ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนา ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 2) ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ประชากรที่ศึกษาคือบุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ จำนวน 118 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ประกอบด้วย แบบสอบถามปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล แบบสอบถามปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริมเกี่ยวกับการออกกำลังกาย วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับพฤติกรรมการออกกำลังกายด้วยสถิติไคสแควร์ และสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) บุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลางร้อยละ 74.6 2) ปัจจัยลักษณะส่วนบุคคลไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร ปัจจัยนำด้านเจตคติ และด้านการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรคของการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p- value < .001) ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร (p-value =.186) ปัจจัยเอื้อด้านนโยบายสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานที่และอุปกรณ์ในการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <.001) ปัจจัยเสริมด้านการได้รับข่าวสารจากสื่อ และการได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากบุคคลต่างๆ มีความสัมพันธ์กับกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p –value <.001)
ผลการศึกษาสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดรูปแบบ วางแผน และจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพฤติกรรมการออกกำลังกาย แก่บุคลากรในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ รวมทั้งสามารถเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตน ด้านส่งเสริมสุขภาพที่ดีต่อประชาชนต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนิพนธ์ต้นฉบับจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) และการตีพิมพ์บทความซ้ำต้องได้รับการอนุญาตจากกองบรรณาธิการเป็นลายลักษณ์อักษร
ลิขสิทธิ์
ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ เว้นว่าได้รับอนุญาตจากโรงพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร
ความรับผิดชอบ
เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย. รายงานประจำปี 2564 กรมอนามัย, สืนค้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565, จาก https://planning.anamai.moph.go.th/web-upload/20xa4d80079fdd38ace9fb48a050e5b52e4/202202/m_magazine/33359/3515/ffil_download/ed05f979653545a78aa292fea1adfaa3.pdf
Pender,J.N., Murdaugh, L.C.,&Parsons, A. M. Health Promotion in Nursing Practice (5th ed.). Pearson Education, Inc: New Jersey. 2006.
กรมอนามัย. สธ.ชี้โควิด 19 ทำคนไทยพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่ม เตรียมเปิด “ก้าวท้าใจ season 2” กระตุ้น 5 แสนคน ออกกำลังกาย 2563. สืบค้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2563, จาก http://www.anamai.moph.go.th/ewt_news.php?nid=17456
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง. รายงานผลการตรวจสุขภาพประจำปีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองกระบี่จังหวัดกระบี่. 2564: 1-5.
วรรณนิภา สีรัง, ลภัสราดา หนุ่มคำ และณิชมน รักกะเปา. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะสุขภาพของบุคลากรสาธารณสุข อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ปี 2563. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2563; 28(9): 1655-1668.
Becker, M. H. The health belief model and personal health behavior. Health Education Monographs1974; 2: 324-473.
รัตน์กัมพลชัย อิ้วสวัสดิ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากรสังกัดเทศบาลตำบล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์.บัณฑิตวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกริก; 2559.
Bloom, B. s. Taxonomy of education objective: The classification of educational goals: Handbook II: Affective domain. New York: David Mckay Company; 1975.
ธนาสิทธิ์ วิจิตราพันธ์ และยุพิน กันทะวงค์. ประสิทธิ์ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายในการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีสำหรับเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านสาธารณสุข. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา 2561; 8(1):1- 8.
นาฏอนงค์ แฝงพงษ์, นิตยากร ลุนพรม, วารุณี เตชะคุณารักษ์, ปาริชาติ สุภิมารส และสุรางคนา มัณยานนท์. เอกสารประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ราชธานีวิชาการ ครั้งที่2. “การวิจัย 4.0 เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน. 2560; 2: 1023-1033.
วิลาวัลย์ อาธิเวช. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมด้านการออกกำลังกายของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตจังหวัดอุบลราชธานี. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2558.
พัชราภา ไชยรักษ์, ชาญชัย ชอบธรรมสกุล, รัตนา เฮงสวัสดิ์ และวิมลมาลย์ สมคะเน. พฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้มาใช้บริการกีฬาแห่งประเทศไทย. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ 2564; 47(2): 207-217.
ชลลดา บุตรวิชา. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้สูงอายุในชมรมเสริมสร้างสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยเกริก; 2561
อโนทัย ผลิตนนท์เกียรติ และคณะ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสาร มฉก.วิชาการ 2561; 21(42): 55-64.