Effectiveness of Case Management in Patients Receiving Warfarin from the Warfarin Clinic at Aoluk Hospital Krabi Province
Main Article Content
Abstract
Background: Warfarin is a drug that some patients need for the rest of their lives. Since it has a narrow therapeutic index, drug-use cooperation, Therefore, is an important factor to achieve the maximal efficacy and safety of the patient's use.
Objective: To study the effectiveness of case management in patients treated with warfarin at Ao Luk Hospital, Krabi Province.
Materials and Methods: The one group (pretest and posttest design) of quasi-experimental research measurement was performed. The samples (n=30) were selected from patients treated with warfarin who had an average international normalized ratio (INR) value of less than 50% from May 2019 - April 2020 or have complications from drug use. Data were analyzed by using t-tests.
Results: The results of case management showed that (1) the number ratio of INR value was in target range comparing before being managed on a case-by-case basis. This was statistically significant at a level of 0.001 (P <0.001) (2) the knowledge level after case management in patients treated with warfarin was significantly higher than prior to case management (P <0.001) (3) the patients who treated with case-by-case had significantly higher self-care behaviors than before receiving case management (P <0.001).
Conclusion: Case management of patients treated with warfarin can increase the patient's knowledge of drug use and take care of themselves more appropriately.
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนิพนธ์ต้นฉบับจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) และการตีพิมพ์บทความซ้ำต้องได้รับการอนุญาตจากกองบรรณาธิการเป็นลายลักษณ์อักษร
ลิขสิทธิ์
ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ เว้นว่าได้รับอนุญาตจากโรงพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร
ความรับผิดชอบ
เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์
References
ทรงขวัญ ศิลารักษ์และคณะ. (2553). แนวทางการรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ชนิดรับประทาน กรุงเทพมหานคร : สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์.
นาตยา หวังนิรัติศัยและคณะ. (2560). ผลของการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟารินของ
คลินิกวาร์ฟาริน โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์. วารสารเภสัชกรรมไทย. ปีที่ 10 เล่มที่ 1ม.ค.-มิ.ย.61 หน้า120-128.
คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาโรคหัวใจ. (2559). คู่มือการดำเนินการตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาโรคหัวใจ เรื่องการบริหารจัดการหน่วยดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด. นนทบุรี : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
สรุปผลงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ปี 2562
Powell,S.K&Tahan..H.A. (2010). Case management: A practicalguide for education and practice. 3 ND editions. Philadelphia: F.A Davis Company.
Phosritong W,Maneesilp T, Podhipak P, Chonbodeechalermrung N. (2012). The development of diabetes care system: a case management model at Saraburi Hospital. Journal of Nursing Division2012; 5(2), 79-93 (in Thai)
Sindhu S, WongrodP,editors. (2014). Case management for clients with diabetic mellitus and hypertension 2nded. Bangkok : Wattanakanpim Printing 2014 (in Thai)
วิทยา วิริยะมนต์ชัย. (2563) การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยที่รับยาวาร์ฟาริน ในโรงพยาบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี.สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2560.
Kamput V, Nakariyakul K. (2009). Clinical outcomes of warfarin monitoring in outpatients at Buddhachinaraj Phitsanulok hospital. Buddhachinaraj Medical Journal 2009; 26: 253-9.
เกษราภรณ์ จันดี. (2563). การพยาบาลผู้ป่วยหัวใจสั่นพลิ้วที่รับประทานยาวาร์ฟารินในคลินิก : กรณีศึกษา. วารสารวิชาการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ปีที่ 4 ฉบับที่ 8 เมษายน - กันยายน 2563.
เกสร สังข์กฤษ, ทัศนีย์ แดขุนทด. (2555). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟาริน โรงพยาบาล สกลนคร. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2555 ; 30 : 96-108.