กรณีศึกษา: การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต่อเนื่องจากสถานพยาบาล ไปยังบ้านและชุมชนในบริบทของศูนย์การดูแลแบบประคับประคอง หน่วยงาน ให้คำปรึกษา กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลคลองท่อม
Main Article Content
บทคัดย่อ
โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ของยีนในเซลล์ปกติ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งโดยจะแพร่กระจายไปตามเนื้อเยื่อ ลุกลามจนอวัยวะสูญเสียหน้าที่ตามปกติและเข้าสู่มะเร็งระยะสุดท้ายจนเสียชีวิตในที่สุด
โดยส่วนใหญ่มะเร็งระยะสุดท้ายจะลุกลามภายหลังจากที่เป็นมะเร็งแล้วระยะหนึ่ง ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานทางด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้น การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โดยการดูแลต่อเนื่องจากสถานพยาบาลไปยังบ้านและชุมชน จะทำให้ผู้ป่วยและ
ครอบครัวได้รับการดูแลแบบองค์รวม มีการจัดการอาการรบกวน จึงไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามสภาวะและจากไปอย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
กรณีศึกษา : เป็นการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย 2 ราย ที่เลือกการรักษาแบบประคับประคอง โดยปฏิเสธการรักษาด้วยเคมีบำบัดและฉายแสง ผู้ป่วยรายที่ 1 เป็นโรคมะเร็งโพรงจมูก ส่วนผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นมะเร็งเพดานแข็งในช่องปาก ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคลองท่อมด้วยอาการสำคัญ คือ ปวด และมีภาวะขาดสมดุลของน้ำและเกลือแร่ โดยผู้ป่วยรายที่ 2 มีความเจ็บปวดแตกต่างจากรายที่ 1 ซึ่งเกิดจากพยาธิสภาพของระบบประสาทมีการวางแผนการรักษาพยาบาลตั้งแต่ระยะฉุกเฉินแรกรับ กระทั่งระยะจำหน่าย โดยมีพยาบาลของศูนย์การดูแลแบบประคับประคองให้การดูแลต่อเนื่องจากโรงพยาบาลไปยังบ้านและชุมชน แพทย์นัดติดตามอาการที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการนัดหมายล่วงหน้า
ผลลัพธ์ : ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ทุเลาจากอาการปวดและอาการรบกวนอื่น ยอมรับภาวะเจ็บป่วยในระยะการดำเนินโรค มีกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ และวางแผนการดูแลล่วงหน้า ตัดสินใจเลือกการรักษาในช่วงสุดท้ายของชีวิตด้วยตนเอง ผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้าน โดยมีคะแนนความพึงพอใจต่อการดูแลแบบประคับประคอง ในผู้ป่วยรายที่ 1 ร้อยละ 96.5 และรายที่ 2 ร้อยละ 98 ตามลำดับ
สรุป : การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย พยาบาลจึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับตัวโรค พยาธิสภาพ การรักษาและจัดการอาการรบกวน ให้การพยาบาลแบบองค์รวม โดยการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและญาติในการวางแผนการดูแลต่อเนื่องจากโรงพยาบาล
ไปบ้านและชุมชน ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามสภาวะการเจ็บป่วย ส่งผลให้บรรลุเป้าหมายของการดูแลผู้ป่วย
ระยะสุดท้ายแบบประคับประคองคือ “การตายดี (good death)"
Article Details
บทความนิพนธ์ต้นฉบับจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) และการตีพิมพ์บทความซ้ำต้องได้รับการอนุญาตจากกองบรรณาธิการเป็นลายลักษณ์อักษร
ลิขสิทธิ์
ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ เว้นว่าได้รับอนุญาตจากโรงพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร
ความรับผิดชอบ
เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์