ปัจจัยแห่งความสำเร็จและอุปสรรคในการพัฒนาระบบการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์; Success Factors and Barriers to Develop the Caring System for People Living with HIV and AIDS
Keywords:
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ, อุปสรรค, การพัฒนาระบบการดูแลรักษา, ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์, Success factors, barriers, development of the caring system, people living with HIV and AIDSAbstract
การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยแห่งความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาระบบบริการการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ผู้ให้ข้อมูลคือผู้บริหารจำนวน 10 คน ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ระดับจังหวัด 80 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก สนทนากล่มุ การบันทึกเสียง และการศึกษาเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาและการจำแนกประเภท ผลการศึกษา พบว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จ ได้แก่ นโยบายระดับกระทรวงที่ชัดเจน ทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็ง ผู้ปฏิบัติงานมีทัศนคติเชิงบวก ทีมสหสาขาวิชาชีพที่ดี มีกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่ดีและได้มาตรฐานมีการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจและความมีคุณค่าของบุคลากรที่ปฏิบัติงาน ปัจจัยที่เป็นปัญหาอุปสรรค ได้แก่ การกำหนดนโยบายระดับโรงพยาบาลไม่ชัดเจน ผู้ให้บริการมีน้อยเมื่อเทียบกับภาระงาน ผู้รับบริการยังมีทัศนคติต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีพอ ขาดการวิเคราะห์กระบวนการดูแลผู้ป่วย ขาดการประสานงานที่ดีทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล ทีมสหสาขาวิชาชีพยังขาดองค์ความรู้วิชาการเรื่องระบบคุณภาพและกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่ครอบคลุมทุกมิติและโปรแกรมที่ใช้ในการลงข้อมูลยังไม่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อการพัฒนาคุณภาพได้รวดเร็วThis qualitative study aimed to study success factors and barriers to develop the caring system for people living with HIV and AIDS. Participants included 10 administrators and 80 QuaIity improvement coaching (QI coaching) and HIV Quality coordinator (HIV co). Data were collected by in-depth interview, focus group and study document and they were assessed using content analysis and typology. The results revealed that success factors were the ministry’s policy, strong team work, positive attitude, good multidisciplinary team, caring process and standard of care, network for sharing knowledge, staff motivation and the value of the personnel. The barriers were the hospital policy, staff work load, negative thinking of people living with HIV and AIDS, lack of systemic evaluation, coordination problem, lack of new knowledge for multidisciplinary team and efficiency of the program data base.
Downloads
How to Cite
Issue
Section
License
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารพยาบาลทหารบกเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการหรือสมาคมพยาบาลทหารบก ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลทหารบก
The ideas and opinions expressed in the Journal of The Royal Thai Army Nurses are those of the authors and not necessarily those
of the editor or Royal Thai Army Nurses Association.