อิทธิพลของความถี่ในการมาเยี่ยมของญาติ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการเห็นคุณค่าในตนเองที่มีต่อความซึมเศร้าของผู้สูงอายุ ที่อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุในจังหวัดนครปฐม

ผู้แต่ง

  • สมฤดี บรรยงคิด โรงพยาบาลมหาชัย สมุทรสาคร
  • วิภา เลค วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • สมชาย เตียวกุล วิทยาลัยเซนต์หลุยส์

คำสำคัญ:

ผู้สูงอายุ, ความถี่ในการมาเยี่ยมของญาติ, การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม, การเห็นคุณค่าในตนเอง, ความซึมเศร้า

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของความถี่ในการมาเยี่ยมของญาติ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการ เห็นคุณค่าในตนเองที่มีต่อความซึมเศร้าของผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุในจังหวัดนครปฐมจำนวน 6 แห่ง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 45 คน ได้โดยการสุ่มอย่างง่ายจากประชากร เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย1) แบบบันทึกข้อมูลทั่วไปของผู้สูงอายุซึ่งระบุข้อมูลความถี่ การมาเยี่ยมของญาติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และการเข้าร่วมกิจกรรมที่บ้านพักผู้สูงอายุจัดขึ้น 2) แบบสอบถามการมีปฏิสัมพันธ์ทาง สังคม มีค่าความเชื่อถือได้ของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 3) แบบประเมินการเห็นคุณค่าในตนเองของโรเซ็นเบิร์ก มีค่าความ เชื่อถือได้ของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.82 และ 4) แบบวัดความซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย มีค่าความเชื่อถือได้ของแบบสอบถาม ทั้งฉบับเท่ากับ 0.82 และ 5) แนวทางในการสนทนาและสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ จากการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่ามีเพียงตัวแปรการเห็นคุณค่าในตนเอง ที่มีผลต่อความซึมเศร้าของผู้สูงอายุที่ อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยที่ค่า b มีค่าเท่ากับ -0.34 ซึ่งสามารถใช้ทำนายความซึมเศร้าของผู้สูงอายุได้ ร้อยละ 20 ส่วนตัวแปรความถี่ในการมาเยี่ ยมของญาติ และการมี ปฏิสัมพันธ์ทางสั งคม นั้นไม่ พบอิทธิพลในการทำนายตัวแปรความ ซึมเศร้า

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. Wongpanarak N., Chaleoykitti S. Depression: A significant Mental Health Problem of Elderly. Journal of the Royal Thai Army Nurses. 2014; 15(3): 24-31. (In Thai)

2. Prasartkul P. Situation of the Thai Elderly 2014. Bangkok: Amarin Printing & Public Company Limited; 2015. (In Thai)

3. Oungphra N. Social Psychology. Bangkok: Thammasat University Press; 2010. (In Thai)

4. Suwattanakoop S. A Comparison Study on Depression between the elderly who lived in their own home with the elderly living in the home for the elderly. A thesis submitted in partial fulfillment of the requirements of Chulalongkorn University, 2012. (In Thai)

5. The National Committee for the Elderly Foundation. Situation of the Thai Elderly 2015. Bangkok: Amarin Printing & Public Company Limited; 2016. (In Thai)

6. Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. Determining sample size for research activities. Educational & Psychological Measurement. 1970; 30: 607-610.

7. Tangjitpukdeesakul T. Factors related to selfesteem and hopelessness among juvenile delinquents in central observation and protection center. A thesis submitted in partial fulfillment of the requirements of Mahidol University, 2001.

8. Train the Brain Forum Committee. Thai Geriatric Depression Scale-TGDS. Siriraj Medical Journal. 1994; 46(1): 1-9

9. Thongyoo, D. Social support self-esteem and public mind of students in the fourth level of study of Sakolrajwittayanukul Sakolnakorn Province. A thesis submitted in partial fulfillment of the requirements of Kasetsart University 2011. (In Thai)

10. Nijthaworn P., Markdee Y., Kengbuncha S., and Eamlumnum T. Spending quality time with the family. Bangkok: Thailand Agriculture and Cooperatives Club. ; 2005. (In Thai)

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

03-01-2019

รูปแบบการอ้างอิง

1.
บรรยงคิด ส, เลค ว, เตียวกุล ส. อิทธิพลของความถี่ในการมาเยี่ยมของญาติ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการเห็นคุณค่าในตนเองที่มีต่อความซึมเศร้าของผู้สูงอายุ ที่อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุในจังหวัดนครปฐม. J Royal Thai Army Nurses [อินเทอร์เน็ต]. 3 มกราคม 2019 [อ้างถึง 5 ธันวาคม 2025];19:269-75. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/164721

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย