ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน The Relationship between Selected Factors and Nurse’s Motivations for Working in The ASEAN Community

Authors

  • รุ่งนภา กุลภักดี ภาควิชาความรู้พื้นฐาน กองการการศึกษา วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก

Keywords:

แรงจูงใจ, ประชาคมอาเซียน, พยาบาลวิชาชีพ, ปัจจัยคัดสรร, แรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน, motivation, ASEAN, professional nurses, selected factors, motivation of nurses for working in the ASEAN Community

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา  (Descriptive  research)  มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน  และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรร  ได้แก่  อายุ สถานภาพ ระดับรายได้ สถานที่ ปฏิบัติงาน ประสบการณ์ในการทำงาน ความสามารถในการใช้ภาษา  การรับรู้ข่าวสาร  และความรู้ด้านประชาคมอาเซียน กับ แรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน  ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 800 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบตามสัดส่วน (Proportion to size) ได้กลุ่มตัวอย่างจากพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 8 แผนก จำนวน 270 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบทดสอบ (Test) ความรู้ด้านประชาคมอาเซียน และแบบสอบถาม (Questionnaire) แรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และผ่านการตรวจความตรงตามเนื้อหา  (content  validity) จากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และนำไปทดลองใช้ (try out) ได้ค่าความเชื่อมั่น
(reliability) ทั้งฉบับเท่ากับ .92 และ .90 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันและ (chi-square)

ผลการวิจัยพบว่า ระดับแรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียนอยู่ในระดับปานกลาง  (2.85) โดย อายุ สถานภาพ ระดับรายได้ต่อเดือน สถานที่ปฏิบัติงาน ความสามารถในการใช้ภาษา ประสบการณ์ในการทำงาน และการรับรู้ข่าวสารมีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อแรงจูงใจในการไปทำงานในประชาคมอาเซียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความรู้ในเรื่องของประชาคมอาเซียนมีความสัมพันธ์กันในทางบวกกับความคิดเห็นต่อแรงจูงใจในการทำงานในประชาคมอาเซียน
ในระดับปานกลาง (r = .153) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

This study was a correlation research. The objective was to investigate the level of motivation of nurses for working in the ASEAN Community and to determine the relationship between selected factors which were age, marital status, income level, workplace, work experience, foreign language ability, perception of related information, knowledge of the ASEAN Community and the nurse’s motivation for working in the ASEAN
Community. Material and method: Random sampling by proportion to size was used and 270 professional nurses in 8 departments of Phramongkutklao Hospital were included. We used questionnaire for collecting the data which evaluated validity by 3 experts. Then the instruments were distributed to professional nurses in 8 departments of Phramongkutklao Hospital. Instrument: Tools used in this study were the test of knowledge about  The  ASEAN  Community  (r  =  .92)  and  the  opinion  of  nurse’s  motivation  for  working  in  the  ASEAN questionnaire  (r  =  .90). The data  was  analyzed  by  Pearson  product  moment  correlation  coefficient  and (chi-square).

Research findings revealed that the average of the motivation of working in the ASEAN community of the sampling mostly were at moderate level. The total mean score was 2.85. All selected factors which were  age,  marital  status,  income  level  per  month,  workplace foreign language  ability, work experience, and perception of related information were significantly correlated with the motivation to work in The ASEAN
Community  (Chi-square:  81.222,  568.296,  296.252,  91.185,  292.822,  87.719,  43.200  respectively) at the .05 level. Knowledge of the ASEAN community was positively correlated with the motivation to work in the ASEAN (r = .121), at the .05 level statistically significant.

Downloads

How to Cite

1.
กุลภักดี ร. ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประชาคมอาเซียน The Relationship between Selected Factors and Nurse’s Motivations for Working in The ASEAN Community. J Royal Thai Army Nurses [Internet]. 2014 Feb. 2 [cited 2024 Nov. 19];14(3):96-104. Available from: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/16019