การพัฒนาแบบบันทึกทางการพยาบาล หอผู้ป่วยเด็กอาการหนัก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
คำสำคัญ:
แบบบันทึกทางการพยาบาล, ผู้ป่วยเด็ก, หอผู้ป่วยเด็กอาการหนักบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาแบบบันทึกทางการพยาบาล หอผู้ป่วยเด็กอาการหนัก โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า และศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้แบบบันทึกทางการพยาบาล โดยพยาบาลวิชาชีพ 16 คน และกุมารแพทย์ 1 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ความต้องการชนิดของข้อมูลในการบันทึกทางการพยาบาล แบบสอบถามความพึงพอใจต่อแบบ บันทึกทางการพยาบาล และแบบตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบบันทึกทางการพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ และค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พบว่า แบบบันทึกทางการพยาบาลพัฒนาโดยใช้กระบวนการพยาบาล และทฤษฎีการปรับตัวของรอย ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ การประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยเมื่อแรกรับ แผนการพยาบาล ส่วนที่ 1 การรวบรวมข้อมูลและปัญหา ทางการพยาบาล ส่วนที่ 2 แบบฟอร์มการบันทึกสำหรับผู้ป่วยเด็กภาวะวิกฤต ส่วนที่ 3 บันทึกความก้าวหน้าทางการพยาบาล และสรุปการวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วย ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.71, S.D. = 0.53) โดยความพึง พอใจต่อการบันทึกข้อมูลในบันทึกความก้าวหน้าทางการพยาบาลมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (
= 4.18, S.D. = 0.64) และการใช้เวลาใน การบันทึกมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (
= 2.81, S.D. = 0.81) แบบบันทึกทางการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นใช้เป็นเครื่องมือในการบันทึกข้อมูล ที่สำคัญและจำเป็นในการรักษาและให้การพยาบาล และใช้สื่อสารระหว่างทีมสุขภาพได้ ทั้งนี้ควรปรับปรุงในหัวข้อการปรับตัว ด้านอัตมโนทัศน์และการปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ในผู้ป่วยวัยทารกและเด็กเล็ก
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Terathongkum S., Norasan S. Laws for nurses. 3rd ed. Bangkok: Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital, Mahidol University; 2016. (In Thai)
3. Thailand nursing and midwifery council. Guidelines on promoting nursing interventions related to nursing ethics. Revised ed. Thailand nursing
and midwifery council; 2008. (In Thai)
4. Thailand nursing and midwifery council. The Nursing and Midwifery Profession 1985, as amended by the Nursing and Midwifery Profession Act
(No.2), 1997. Nonthaburi: Thailand nursing and midwifery council; 1997. (In Thai)
5. Alfaro-LeFever, R. Applying nursing process : the foundation for clinical reasoning. 8th Ed. China: Lippincott Williams & wilkins; 2014.
6. Kusum V. Nursing process and nursing diagnosis : application to clinical practice. 2nd Ed. Bangkok: Bhopit publishing; 2011. (In Thai)
7. Roy, C & Andrew, H.A. The Roy Adaptation Model. 2nd Ed.. Connecticut: Appleton & Lange; 1999.
8. Mykkanen, M, Miettenen, M., Saranto, K. Standardized nursing documentation supports evidencebased nursing management. Nursing Informatics.
2016. Doi:10.3233/978-1-61499-658-3-466.
9. Tapaneeyakorn, W., Rattananukul, N., and et al. Planning and nursing documentation. No.1. Bangkok: I-Press group; 2009. (In Thai)
10. Alligood, M. R. Nursing theory: utilization & application. 5th Ed. Missouri: Elsevier; 2014.
11. Larbjaraen P. Relationship between perceived importance of the law to professional practice, knowledge of nursing record and professional values, and the ability to record informally. Nursing of professional nurses according to the theory of nursing. [dissertation]. Chon Buri: Burapha University; 2001. (In Thai)
12. Suriyaprom, P., Toykheaw, S. Development of nursing record format of nursing division, Nan hospital. Journal of Nursing Division. 2011; 37(2): 1-14. (In Thai)
13. Blair, W., and Smith, B. Nursing documentation: frameworks and barriers. Contemporary Nurse. 2014; 41(2): 160-8.
14. Potharam T. Attitudes towards nursing process documentation of professional nurse in Bumrungrad international hospital [dissertation]. Bangkok: Srinakharinwirot University; 2008. (In Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารพยาบาลทหารบกเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการหรือสมาคมพยาบาลทหารบก ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลทหารบก
The ideas and opinions expressed in the Journal of The Royal Thai Army Nurses are those of the authors and not necessarily those
of the editor or Royal Thai Army Nurses Association.
