การศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับระดับความเครียดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร

Main Article Content

Nida Limsuwan
นิธิสนี รุจิรังสีเจริญ

บทคัดย่อ

 


วัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล สาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด  ความภาคภูมิใจในตนเอง และการทำหน้าที่ของครอบครัวกับระดับความเครียดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร


วิธีการศึกษา  เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบตัดขวางในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่  1– 6 โรงเรียนสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยใช้เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถามสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียดในวัยรุ่น  แบบสอบถามความภาคภูมิใจในตนเองของ              โรเซนเบิร์ก ฉบับภาษาไทย  แบบประเมินการทำหน้าที่ของครอบครัว Chulalongkorn Family Inventory (CFI) และแบบประเมินและวิเคราะห์ความเครียดด้วยตนเอง ส่วนการวิเคราะห์ทางสถิติใช้สถิติเชิงพรรณนา คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และสถิติเชิงวิเคราะห์ คือ Independent Sample T-Test, One-Way ANOVA, Pearson Product-Moment Correlation Coefficient และ Multiple Regression Analysis ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับระดับความเครียด


ผลการศึกษา  กลุ่มตัวอย่างจำนวน 541 คน จาก 988 คน (ร้อยละ 54.7) มีความเครียดอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ โดยพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ร่วมกันทำนายอธิบายระดับความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ        คือ ความภาคภูมิใจในตัวเอง, สาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด (ด้านอนาคต, ด้านสถานศึกษา, ด้านการจัดสรรเวลา, ด้านครอบครัว, ด้านคุณครู, ด้านการเรียน) การทำหน้าที่ของครอบครัว (ด้านความผูกพันทางอารมณ์, ด้านการตอบสนองทางอารมณ์) และปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล (บุคคลที่พักอาศัยอยู่ด้วย) โดยพบว่าตัวแปรทั้งหมดร่วมกันทำนายความเครียดของนักเรียน ได้ประมาณ ร้อยละ 43.7  (R2= 0.437)


สรุป  นักเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร มากกว่าครึ่งมีความเครียดอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ โดยสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยต่างๆ ที่ศึกษาในครั้งนี้ร่วมกันทำนายความเครียดของนักเรียนได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Limsuwan, N., & รุจิรังสีเจริญ น. . (2021). การศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับระดับความเครียดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 66(1), 53–68. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPAT/article/view/243511
ประเภทบทความ
Original Articles