ความเครียดและภาวะซึมเศร้าในแพทย์ฝึกหัด โรงพยาบาลตำรวจ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้าของแพทย์ฝึกหัด โรงพยาบาลตำรวจ
วิธีการศึกษา รูปแบบการวิจัยเป็นการวิเคราะห์แบบตัดขวางกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นแพทย์ฝึกหัด โรงพยาบาลตำรวจปีการศึกษา พ.ศ. 2561 จำนวน 63 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดและภาวะซึมเศร้า แบบประเมินและวิเคราะห์ความเครียด กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และแบบประเมินภาวะซึมเศร้า PHQ-9 การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลนำเสนอโดยจำนวน ร้อยละ และการทดสอบค่าไคสแควร์ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้าของแพทย์ฝึกหัด
ผลการศึกษา ความชุกของความเครียดที่มีผลต่อการใช้ชีวิตของแพทย์ฝึกหัดเท่ากับร้อยละ 12.6 และภาวะซึมเศร้าร้อยละ 47.6 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้าของแพทย์ฝึกหัด ได้แก่ แผนกที่ปฏิบัติงานอยู่ปัจจุบัน ปัญหาการเรียน ปัญหากับเพื่อน และปัญหากับแพทย์ประจำบ้านมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นอกจากนี้ความเครียดและภาวะซึมเศร้าของแพทย์ฝึกหัดมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (OR, 2.50; 95% CI, 1.809-3.456)
สรุป ภาวะเครียดและภาวะซึมเศร้าในแพทย์ฝึกหัดเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญและมีความสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนั้นควรมีวางแผนในการส่งเสริม ป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาความเครียดและภาวะซึมเศร้า รวมทั้งการดูแลรักษาและติดตามปัญหาสุขภาพจิตของแพทย์ฝึกหัด
Article Details
บทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณา ต้องไม่เคยตีพิมพ์หรือได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น และต้องไม่อยู่ระหว่างการส่งไปพิจารณาในวารสารอื่น
เอกสารอ้างอิง
2. The medical council of Thailand. Regulations of the Medical Council on Assessment and Certification of Knowledge in Medical Practice 2005. 2018 [cited 2018 Nov 20]. Available from : https://www.tmc.or.th/service_law02_12.php
3. Department of Mental Health. Guide to relieve stress (revised version). ฺBangkok: Ministry of Public Health; 2012
4. Nikom Thanomsiang. Sample size calculations. 2018 [cited 2018 Nov 22]. Available from : https://home.kku.ac.th/nikom/516201_sample_size_nk2561.pdf
5. Dahlin M, Joneborg N, Runeson B. Stress and depression among medical students: a cross sectional study. Medl Educ 2005; 39:594-604.
6. Department of Mental Health, Ministry of Public Health. Stress Assessment and Analysis Form [Internet]. 2018 Jun [cited 2018 Nov 10]. Available from : http://www.la.mahidol.ac.th/th/images/KM/article_20170504171136.pdf
7. Kroenke K, Spitzer RL, Williams JB. The PHQ-9: validity of a brief depression severity measure. J Gen Intern Med 2001; 16:606-13
8. Department of Mental Health, Ministry of Public Health. Depression Assessment Form [Internet].2018 Jun [cited 2018 Nov 10]. Available from :https://www.dmh.go.th/test/download/files/2Q%209Q%208Q%20(1).pdf
9. Lotrakul M, Sumrithe S, Saipanish R. Reliability and validity of the Thai version of the PHQ-9. BMC Psychiatry 2008; 8:46
10. Suwanna Sisomprasong. A study of stress of the fourth-year to the sixth-year medical student [Master's degree thesis]. Bangkok : Srinakharinwirot University; 2009.
11. Abdulghani H., Irshad M., Al Zunitan M., Al Sulihem A., Al Dehaim M., Al Esefir W., et al. Haque S. Prevalence of stress in junior doctors during their internship training: a cross-sectional study of three Saudi medical colleges’ hospitals. Neuropsychiatric Disease and Treatment 2014; 10:1879-86.
12. Kanokwan Limsricharoen, Nasamapon Handee, Sudsabuy Chulakdabba. Prevalence and Associated Factors of Depression in Second to Sixth Years Medical Students, Faculty of Medicine in Thailand. J Psychiatr Assoc Thailand 2014; 59:29-40.
13. Goebert D., Thompson D., Takeshita J., Beach C., Bryson P., Ephgrave K. Depressive symptoms in medical students and residents: a multischool study.Acad Med 2009;84:236-41.
14. Sherina M.S., Rampal L., Kaneson N. Psychological stress among undergraduate medical students. Med J Malaysia 2004;59:207-11.
