ความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติของมารดากับความภาคภูมิใจแห่งตนของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติของมารดากับความภาคภูมิใจแห่งตนของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
ศิริวรรณ ปิยวัฒนเมธา พบ.*, กุศลาภรณ์ ชัยอุดมสม พบ.*, นิรมล พัจนสุนทร พบ.*,
นวนันท์ ปิยะวัฒน์กูล พบ.*
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ เพื่อทราบความสัมพันธ์ระหว่างความภาคภูมิใจแห่งตนของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้และทัศนคติของมารดา ปัจจัยที่มีผลต่อความภาคภูมิใจแห่งตนและปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติของมารดาของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้
วิธีการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ภาคตัดขวาง (Cross sectional analytical study) ในผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ที่มีอายุ 10-18 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์ตามเกณฑ์วินิจฉัยโรคของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ในแผนกผู้ป่วยนอกจิตเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยใช้แบบสอบถามความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง Rosenberg Self-Esteem Scale (RSES) ฉบับภาษาไทย และแบบวัดทัศนคติต่อการดูแลเด็ก แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของเด็กและวัยรุ่น ข้อมูลทั่วไปของมารดา และข้อมูลเกี่ยวกับโรคของผู้ป่วย ได้แก่ ด้านที่บกพร่องในการเรียนรู้ และระดับสติปัญญา โดยใช้สถิติพรรณนาและสถิติวิเคราะห์พหุตัวแปรในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความภาคภูมิใจแห่งตนและทัศนคติของมารดา
ผลการวิจัย อาสาสมัครที่ยินยอมเข้าร่วมวิจัย 37 คู่ (ผู้ป่วยเด็กและมารดา) อาสาสมัครมีอายุเฉลี่ย 11.41 ปีและเชาวน์ปัญญาเฉลี่ย 107.25 ค่าเฉลี่ยคะแนน RSES ฉบับภาษาไทยคือ 28.16 (เต็ม 40 คะแนน) และค่าเฉลี่ยของคะแนนทัศนคติของมารดาคือ 141.57 (เต็ม 180 คะแนน) พบว่าทัศนคติของมารดามีความสัมพันธ์กับความภาคภูมิใจแห่งตนของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Correlation coefficient 0.569, p<0.001) ปัจจัยที่มีผลต่อความภาคภูมิใจแห่งตนได้แก่ อายุของผู้ป่วย (p=0.006) การศึกษาเสริม (p=0.019) ลำดับการเกิด (p=0.024) สถานภาพสมรสของมารดา (p=0.044) และระดับการศึกษาของมารดา (p=0.004) ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติของมารดาได้แก่ อายุของผู้ป่วย (p<0.001) การศึกษาเสริม (p=0.043) ลำดับการเกิด (p<0.001) ผู้ดูแลหลัก (p<0.001) อายุของมารดา (p=0.001) และระดับการศึกษาของมารดา (p=0.006)
สรุป ทัศนคติของมารดามีความสัมพันธ์กับความภาคภูมิใจแห่งตนของเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ โดยปัจจัยที่มีผลต่อความภาคภูมิใจแห่งตนได้แก่ อายุของผู้ป่วย การศึกษาเสริม ลำดับการเกิด สถานภาพสมรสของมารดาและระดับการศึกษาของมารดา ปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติของมารดาได้แก่ อายุของผู้ป่วย การศึกษาเสริม ลำดับการเกิด ผู้ดูแลหลัก อายุของมารดา และระดับการศึกษาของมารดา อย่างไรก็ตามการศึกษานี้มีข้อจำกัดเนื่องจากเป็นการศึกษาในประชากรเพียงกลุ่มเดียวและไม่ได้ศึกษาปัจจัยอื่นๆที่อาจจะมีผลได้อีก
คำสำคัญ ทัศนคติของมารดา ความภาคภูมิใจแห่งตน ความบกพร่องในการเรียนรู้
*ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Article Details
บทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณา ต้องไม่เคยตีพิมพ์หรือได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น และต้องไม่อยู่ระหว่างการส่งไปพิจารณาในวารสารอื่น
เอกสารอ้างอิง
2. Moungsuwan L, Piyasil V, Pruksananonda C, Chomchai C, Aimpramsilapa S, Ningsanohl V. In : Ningsanohl, Piyasil V, Sutra S, editors. Health Status in Thai Children and Adolescent 2010. The Royal College of Pediatricians of Thailand. Bangkok : Beyound Enterprice Inc; 2010: 137-60
3. Piyasil V, Wangtan S. Learning Disorders and Comorbidity. J Psychiatr Assoc Thailand 2015; 60(4): 287-96
4. Harald V. Students With Learning Disabilities and Low-Achieving Students: Peer Acceptance, Loneliness, Self-Esteem, and Depression. Social Psychology of education 1999; 3: 173-192.
5. Amy M. G. Comparing the Self-Concept of Students With and Without Learning Disabilities. Journal of Learning Disabilities 2003 ;36(3).
6. Manika P. Predicting Factors for Risk of Depression in Adolescents with Learning Disorders. J Med Assoc Thai 2012; 95(11): 1480-4.
7. Edward M, Robert W. M. Predictor of Self-Esteem: The Roles of Parent-Child Perceptions, Achievement, and Class Placement. Journal of Learning Disabilities 1992; 25(1): 72-80.
8. Sandeep L. Comparison of Self-Esteem and Maternal Attitude Between Children with Learning Disability and Unaffected Siblings. Indian J Pediatr 2013. 80(9):745-9.
9. Thananarapong J. Psychosocial factors predicting child care behaviors in autistic children's mothers. Graduate School: Chiang Mai University; 2007.
10. Piyavhatkul N, Aroonpongpaisal S, Patjanasoontorn N, Rongbutsri S, Maneeganondh S, Pimpanit W. Validity and Reliability of the Rosenberg Self-Esteem Scale-Thai Version as Compared to the Self-Esteem Visual Analog Scale. J Med Assoc Thai 2011;94(7).
11. Wongkhan M, Nintachan P, Sangon S. Factors Related to Resilience in Adolescents. The journal of Psychiatric Nursing and Mental Health 2015; 29(1): 57-75
12. S Karande, S Kuril. Impact of parenting practices on parent-child relationships in children with specific learning disability. J Postgrad Med. 2011; 57(1):20-30.
13. Adler A. Child and Adolescent Psychology. G.R. Medinnus and R.C. Johnson. New York: John Wiley & Sons Inc; 1974.
14. Alami A, Khosravan S, Moghadam L.S, Pakravan F, Hosseni F. Adolescents’ Self-Esteem in Single and TwoParent Families. IJCBNM 2014; 2(2).
15. Usakli H. Comparison of Single and Two Parents Children in terms of Behavioral Tendencies. International Journal of Humanities and Social Science 2013;3(8).
16. Chandramuki, Shastry, I.V.K., Narasimha M, Vranda. Attitudes of Parents towards Children with Specific Learning Disabilities. Asia Pacific Disability Rehabilitation Journal 2012; 23: 63-9.
17. Ragozin, Arlene S. Effects of Maternal Age on Parenting Role. Developmental Psychology 1982,18(4): 627-34.