ความตรงของแบบคัดกรองโรคสมาธิสั้นในเด็กและ วัยรุ่นไทยในการคัดแยกผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่มีโรคร่วม: การศึกษาแบบเก็บข้อมูลย้อนหลัง
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ เพือ่ ศกึ ษาความตรงของแบบคดั กรองโรคสมาธธิสั้น ในเด็ก และวัยรุ่นไทย (THASS) ในการ
คัดแยกผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่มีโรคร่วม
วิธีการศึกษา เก็บข้อมูลย้อนหลังจากแฟ้มผู้ป่วยใหม่ที่เข้ามารับบริการตรวจรักษาที่หน่วยตรวจ
โรคจิตเวชเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลศิริราช ระหว่างเดือนมกราคม 2558 ถึงธันวาคม 2559 ที่มีผลการ
ตอบแบบคัดกรองโรคสมาธิสั้นฯ เปรียบเทียบกับผลการวินิจฉัยจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โดยการสุ่ม
แบบเฉพาะเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) และทดสอบความตรงตามเกณฑ์โดยการคำนวณด้วยตาราง 2x2 เพื่อหาค่า
ความไว และความจำเพาะ
ผลการศึกษา กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนทั้งสิ้น 207 ราย เป็นเพศชายมากกว่าหญิง (ร้อยละ 71 และ 29
ตามลำดับ) อายุเฉลี่ย 10.36 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นที่มีโรคร่วม 64 ราย เป็นโรคสมาธิสั้น
อย่างเดียว 52 ราย และไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น 84 ราย ผลการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) พบ
ว่าการใช้ THASS ฉบับตนเองเพียงฉบับเดียวไม่สัมพันธ์กับผลการวินิจฉัยของจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
ในขณะที่ฉบับผู้ปกครองและครูมีความสัมพันธ์กับการวินิจฉัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ
เมื่อใช้ THASS ร่วมกัน 3 ฉบับ ทั้งฉบับตนเอง ผู้ปกครอง และครู ในกลุ่มโรคสมาธิสั้นที่มีโรคร่วมจะมี
ค่าความตรงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยแสดงด้วยค่าความไว 0.82 และค่าความจำเพาะ 0.93 ซึ่งสูงกว่าการใช้
ฉบับใดฉบับหนึ่งเพียงฉบับเดียว
สรุป แบบคัดกรองโรคสมาธิสั้นฯ มีค่าความไวและความจำเพาะอยู่ในเกณฑ์ดีมากหากใช้แบบคัดกรอง
ร่วมกันทั้ง 3 ฉบับ แสดงให้เห็นว่า THASS เป็นแบบคัดกรองโรคสมาธิสั้นที่มีความตรง และสามารถตรวจ
พบโรคสมาธิสั้นทั้งกลุ่มที่มีโรคร่วมและไม่มีโรคร่วมได้
Article Details
บทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณา ต้องไม่เคยตีพิมพ์หรือได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น และต้องไม่อยู่ระหว่างการส่งไปพิจารณาในวารสารอื่น