ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่มาตรวจรักษาตามแพทย์ นัดที่แผนกผู้ป่วยนอก คลินิกโรคหัวใจ ของโรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันโรคทรวงอก จำนวน 197 ราย เก็บข้อมูลโดยใช้ แบบสัมภาษณ์จำนวน 6 ชุด ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ปัจจัยส่วนบุคคล แบบสัมภาษณ์การรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลังกาย แบบสัมภาษณ์การรับรู้อุปสรรคของการออกกำลังกาย แบบสัมภาษณ์การรับรู้ความสามารถของตนเองในการออกกำลังกาย แบบ สัมภาษณ์การสนับสนุนทางสังคมของการออกกำลังกาย และแบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการออกกำลังกาย วิเคราะห์ข้อมูลโดย หาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย อยู่ในระดับดี ( = 3.25. S.D. = 0.51)
2. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ได้แก่ ระดับการศึกษา (r = .308, P < .001) การรับรู้ประโยชน์ของการออกกำลังกาย (r = .637, P < .001) การรับรู้ความสามารถของ ตนเองในการออกกำลังกาย (r= .740, P < .001) และการสนับสนุนทางสังคมของการออกกำลังกาย (r = .490, P < .05)
Abstract
The purpose of this descriptive study was to investigate factors related to exercise behaviors ofmyocardial infarction patients. A sample was composed of 197 myocardial infarction patients at RatchaviteeHospital and Chest Disease Institute. The instruments consisted of demographic, perceived benefits ofexercise, perceived barriers to exercise, perceived self-efficacy for exercise, social support for exercise, andexercise behavior questionnaires. Data were analyzed using descriptive statistics and Pearson's product -moment correlation
The results were as follows:
1. A mean score of exercise behaviors was 3.25 (S.D.= 0.51), which was classified as good level.
2. Significant factors related to exercise behaviors of myocardial infarction patients included educationlevel (r= .308, p < .001), perceived benefits of exercise (r= .637, p < .001), perceived self - efficacy for exercise(r= .74O, p < .001), and social support for exercise (r=.490, p < .05).
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี และคณาจารย์ท่านอื่น ในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว