การพัฒนารูปแบบการให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการ ทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก ในโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งจังหวัดสระบุรี
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง , บริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก , โรงพยาบาลชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ พัฒนารูปแบบการให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง จังหวัดสระบุรี ขั้นตอนการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 1) ศึกษาสถานการณ์การให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ แพทย์ศัลยกรรมแผนกผู้ป่วยนอก วิสัญญีแพทย์ พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอก พยาบาลห้องผ่าตัด และพยาบาลวิสัญญี จำนวน 20 คน เป็นสัมภาษณ์เชิงลึกและสนทนากลุ่ม เครื่องมือที่ใช้เป็นแนวทางการสัมภาษณ์เชิงลึกและแนวทางการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา 2) พัฒนารูปแบบการให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก โดยนำผลการวิจัยในขั้นตอนที่ 1 ร่วมกับการศึกษาวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง จัดทำรูปแบบการให้บริการฯ ในเชิงทฤษฎี ให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน ตรวจสอบความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของการนำรูปแบบไปใช้ และนำไปทดลองใช้กับผู้ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่ง 3) ประเมินผลของการใช้รูปแบบการให้บริการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก เพื่อแก้ไขปัญหาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่รับประทานยาความดันในวันมารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก โดยเปรียบเทียบความรู้ก่อนและหลังกับผู้ป่วย จำนวน 66 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยที่ได้ความรู้กับพยาบาล ผู้ป่วยได้ความรู้จากพยาบาลร่วมกับดูคลิปวิดีโอ และผู้ป่วยได้ความรู้จากพยาบาลร่วมกับคู่มือการปฏิบัติตัว วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติ Paired t-test และ One-way ANOVA ผลการศึกษา จากข้อมูลสถานการณ์ปัญหาในขั้นตอนที่ 1 พบว่า ผู้ป่วยฯ ไม่รับประทานยาควบคุมความดันโลหิตจึงมีภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้ต้องเลื่อนวันเวลาหรืองดการผ่าตัด ขั้นตอนที่ 2 ผลจากการนำรูปแบบในเชิงทฤษฎีไปทดลองใช้กับผู้ปฏิบัติจำนวนหนึ่ง แล้วนำรูปแบบที่ได้ไปใช้จริงกับผู้ป่วยในระยะเวลา 3 เดือน พบสิ่งที่ต้องพัฒนารูปแบบการให้บริการในแต่ละจุดบริการที่ควรให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยเน้นการประสานความร่วมมือกันระหว่างแผนกที่ผู้ป่วยไปรับบริการ ขั้นตอนที่ 3 ผลการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบฯ ผลเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้ภายในกลุ่มทั้ง 3 กลุ่มที่ได้รับวิธีการให้ความรู้ที่แตกต่างกันนั้น มีค่าเฉลี่ยความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งวิธีการให้ความรู้โดยพยาบาล (13.65, 11.90, p<0.001) วิธีการให้ความรู้โดยพยาบาลร่วมกับคลิปวิดีโอ (13.10, 11.70, p<0.001) และวิธีการให้ความรู้โดยพยาบาลร่วมกับคู่มือ (13.25, 12.05, p<0.001) ผลเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความรู้ระหว่างกลุ่ม พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่มที่ได้รับวิธีการสอน แตกต่างกันนั้น มีค่าเฉลี่ยผลต่างความรู้แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) โดย พบว่าวิธีการสอนโดยพยาบาลมีค่าเฉลี่ยผลต่างความรู้มากที่สุด (1.75) วิธีการสอนโดยพยาบาลร่วมกับคลิปวิดีโอ (1.35) และ วิธีการสอยโดยพยาบาลร่วมกับคู่มือ (1.19) ข้อเสนอแนะ บุคลากรทางสุขภาพสามารถนำรูปแบบบริการทั้ง 3 แบบไปใช้ให้ความรู้ในการเตรียมตัวก่อนรับหัตถการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก เพื่อไม่ให้มีการเลื่อนผ่าตัด หรืองดผ่าตัด
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. World health report 2022: Research for universal health coverage [Internet]. 2022 [cited 2024Jan22]; Available from https://platform.who.int/mortality/countries/country-details/MDB/thailand?countryProfileId=99b37c0b-4559-4ac6-aa20-accd2957185e
Thida Yukhuntrawan. Developing a Same-Day Discharge Surgical Service System in Health Region 10. The Journal of the Medical Association of Thailand 2016; 42(2): 116-125.
Khamphan, S., Chokchaianan, O., Jungpanich, U. Pre operative visit in OPD Case by Phone. Thai Journal of Nursing and Midwifery Practice 2015; 2(1): 45-54 (in Thai)
Benjaa Yoddeannont-Attics and Kanjana Tangcholthip. Qualitative Data Analysis: Data Management, Interpretation, and Meaning Construction. Nakhon Pathom: Population and Community Publishing, Institute for Population and Social Research, Mahidol University; 2552. (in Thai)
Benjaa Yoddeannont-Attics, Buppa Siriratsamee, and Wathinee Boonchalaksee. Qualitative Research: Field Research Techniques: Teaching and Research Handbook. Nakhon Pathom: Nakhon Pathom: Information and Education Dissemination Project on Population, Institute for Population and Social Research, Mahidol University; 2541. (in Thai)
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A.-G., & Buchner, A. G*Power 3. A Flexible Statistical Power Analysis Program for the Social, Behavioral, and Biomedical Sciences. Behavior Research Methods 2007; 39, 175-191.
Cohen, J. Statistical Power Analysis for the Behavioral Sciences (2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers; 1988.
Department of Medical Services, Ministry of Public Health. Safety in One Day Surgery (ODS). Petchpimpewan Press. Medical Affairs Division, Department of Medical Services, Ministry of Public Health. Nonthaburi. 2018.
Sucha Panoinon, Usavadee Asdornwised, Wanpan Pinyopasakul & Pornchai O-Charoenrat. The effectiveness of a day surgery discharge planning program on anxiety and satisfaction of care among women undergoing breast mass excision. J Nurs Sci 2010; 28-36. (in Thai)
Somphorn K., Orasa Ch., and Ubon J. Telephone follow-up program for outpatients receiving visual impairment nursing services. Thai Journal of Nursing and Midwifery Operations 2015; 2(1): 45–54. (in Thai)
Shoja, M., Heshmati Nabavi, F., Ramezani, M., & Saki, A. Effect of a preoperative preparation program on anxiety in school-age children undergoing surgery using a factorial design. Evidence Based Care 2018; 7(4), 30-37.
Thida Yukuntawaranun. Development of Surgical Service System in a Same Day Surgery in the 10th Health District. Thai Journal of Anesthesiology 2016; 42(2), 116-125. (in Thai).
Tawi Rattanachueak. Recommendations for the Development of the One Day Surgery (ODS) Service System. Nonthaburi: Printing Operations Office, Armed Forces Research Institute of Medical Sciences; 2017.
Varon J. & Marik P.E. Perioperative hypertension management. Vascular Health and Risk Management 2008; 4(3), 615-627.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารโรคและภัยสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


