การพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ จังหวัดกำแพงเพชร

ผู้แต่ง

  • มลวิภา กาศสมบูรณ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร
  • สวรรยา สิริภคมงคล สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์

คำสำคัญ:

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, พฤติกรรมการป้องกัน, ผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ

บทคัดย่อ

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เป็นโรคระบาดใหม่ของโลกมีจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน พบว่าเป็นโรคร่วมที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับความรุนแรงของโรค การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อค้นหาปัจจัย และองค์ประกอบ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุพฤติกรรมการป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ เก็บข้อมูล ณ จุดเวลาที่กำหนด กลุ่มตัวอย่าง 178 คน คัดเลือกโดยการสุ่มอย่างง่าย 2 ขั้นตอน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่า ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสมการเชิงโครงสร้าง ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 63.5 อายุระหว่าง 60-69  ปี อายุเฉลี่ย 66.6 ปี ระดับการศึกษาจบชั้นประถมศึกษามากสุดร้อยละ 77.5 สถานภาพส่วนใหญ่ สมรส/อยู่ด้วยกัน ร้อยละ 82.0 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 5,000 บาท โดยรายได้เฉลี่ย 5.3 บาท ที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ในเขตองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 70.2 และป่วยเป็นเบาหวานมาแล้ว เฉลี่ย 7.8 ปี โดยน้อยสุด 1 ปี และมากที่สุด 25 ปี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมพฤติกรรมการป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 2 ปัจจัยในระดับปานกลาง ได้แก่ 1)ความสามารถในการจัดการตนเอง และ 2) ความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์(r) ระดับปานกลางเท่ากับ 0.30 และ 0.44 รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุพฤติกรรมการป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่าความรู้ ความสามารถในการจัดการตนเอง และ แรงสนับสนุนทางสังคม ส่งอิทธิพลผ่านความรอบรู้ทางด้านสุขภาพร้อยละ 40 แบบแผนความเชื่อทางด้านสุขภาพ ส่งอิทธิพลผ่านความรอบรู้ทางด้านสุขภาพทางลบ ร้อยละ9 ต่อพฤติกรรมการป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุสามารถตามโมเดลอธิบายความผันแปรได้ร้อยละ 23 โดยรูปแบบสอดคล้องกับข้อมูลตามสมมุติฐานอย่างมีสาระรูปสนิท (Fit) ที่สถิติ c2 = 86.75  P =0.07  DF=69 CMIN/DF= 1.26  RMR=0.366  GFI= 0.94  AGFI = 0.90 RMSEA = 0.04 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำผลการวิจัยครั้งนี้ไปประกอบการวางแผนสนับสนุนการป้องกันโรคในผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นเบาหวานเพื่อลดความรุนแรงของโรค

เอกสารอ้างอิง

Chen Wang, Peter W Horby, Frederick G Hayden, George F Gao. A novel coronavirus outbreak of global health concern. www.lanect.com Published online January 24, 2022. Available from: https://doi.org/10.1016/S0140-6736(20)30185-9.

กรมควบคุมโรค. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 อัพเดทรายวัน. [อินเทอร์เน็ต]. นนทบุรี: [วันที่อ้างถึง 25 เมษายน 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/

Bornstein SR, Rubino F, Khunti K, Mingrone G, Hopkins D, Birkenfeld AL, et al. Practical recommendations for the management of diabetes in patients with COVID-19. Lancet Diabetes Endocrinol (8)2020: 546–50 Published Online April 23, 2020 Available from: https://doi.org/10.1016/S2213-8587(20)30152-2

Xue T, Li Q, Zhang Q, Lin W, Wen J, Li Li, et al. Blood glucose levels in elderly subjects with type 2 diabetes during COVID-19 outbreak: a retrospective study in a single center. medRxiv; published online April 2:2020, DOI:10.1101/2020.03.31.20048579 (preprint).

Lacobellis G. COVID-19 and diabetes: can DPP4 inhibition play a role? Diabetes Res Clin Pract; (162)2020: 108125.

Bindom SM, Lazartigues E. The sweeter side of ACE2: physiological evidence for a role in diabetes. Mol Cell Endocrinol, 2009; 302(2):193-202.

Doi: 10.1016/j.mce.2008.09.020. Epub 2008 Oct 1. PMID: 18948167; PMCID: PMC2676688.

กระทรวงสาธารณสุข HDC, กลุ่มรายงานมาตรฐาน. การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ. อัตราการป่วยด้วยโรคเบาหวาน สืบค้นจากจาก [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://shortest.link/3tJo

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 1970. 30(3): 607-10.

Rathmann W, Kuss O, Kostev K. Incidence of newly diagnosed diabetes after Covid-19. Diabetologia. Mar 2022,16;1-6. doi: 10.1007/s00125-022-05670-0. Online ahead of print.

สุรินทร์รัตน์ บัวเร่งเทียนทอง, จันทร์สุดาพรรณ บุญธรรม, จินตนา ฤทธารมย์, ผู้สูงอายุกับพฤติกรรมเนือยนิ่งในสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. วารสารเกื้อการุณย์ , 2564; 28(2): 154 – 64.

ปิยนุช ปฏิภาณวัตร. ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงพยาบาลกาฬสินธุ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา.

; 7(1):64 – 71.

Kanfer F H, Gaelick-Buys L. Self-management methods. In F. H. Kanfer & A. Goldstein (Eds.), Helping people change: A textbook of methods (pp.305-360). NewYork: Pergamon Press. 1991.

รินธรรม จารุภาชน์,นงนุช สุรัตนวดี,วิภาพร ต้นภูเขียว,เนตรชนก พันธุ์สุระ,ณัฏฐดา สวนไผ่, อรทัย ปรีดีย์. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและระดับพฤติกรรมสุขภาพการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จังหวัดขอนแก่น.วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น, 2565; 29(1) :71 – 81.

วิมล โรมา, สายชล คล้อยเอี่ยม. รายงานการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไป พ.ศ. 2562. นนทบุรี: สถานบันวิจัยระบบสาธารณสุข. 2562.

กิจปพน ศรีธานี. ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางสุขภาพกับคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 2560; 11(1),26-36.

Bronfman N, Repetto P, Cisternas P, Castañeda J. Factors influencing the adoption of COVID-19 preventive behaviors in Chile. Sustainability, 2021; 13, 1-13.

Kojan L, Burbach L, Ziefle M, Valdez AC. Perceptions of behaviour efficacy, not perceptions of threat, are drivers of COVID-19 protective behaviour in Germany. Humanities and Social Sciences Communications, 2022; 9(1): 1-15.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-11-2022

รูปแบบการอ้างอิง

1.
กาศสมบูรณ์ ม, สิริภคมงคล ส. การพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ จังหวัดกำแพงเพชร. JDPC3 [อินเทอร์เน็ต]. 29 พฤศจิกายน 2022 [อ้างถึง 17 ธันวาคม 2025];16(3):38-49. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JDPC3/article/view/259322

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ