ผลของรูปแบบการให้ความรู้ในการปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • สุนันทา สกุลยืนยง โรงพยาบาลตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์

คำสำคัญ:

รูปแบบการให้ความรู้, การปรับพฤติกรรม, โรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อพัฒนารูปแบบและศึกษาผลของรูปแบบการให้ความรู้และเปรียบเทียบผลก่อนและหลังของการใช้รูปแบบการให้ความรู้ในการปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์กลุ่มตัวอย่าง ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย คือ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการที่คลินิกโรคไตเรื้อรัง โรงพยาบาลตากฟ้า ที่มีค่าประเมินอัตราการกรองไต (eGFR) อยู่ในระดับ 3 จับคู่ระหว่างกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน กลุ่มทดลองได้รับ Intervention คือรูปแบบการให้ความรู้ในการปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอโรคไตเรื้อรัง และติดตามเยี่ยมที่คลินิก เป็นเวลา 1 เดือน  กลุ่มตัวอย่างทุกคนจะได้รับการเจาะเลือดตรวจ Serum Creatinine และประเมินผลค่า eGFR การรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามวัดความเชื่อในความสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความรู้เรื่องโรคไตเรื้อรังแบบ พฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานและค่า Serum Creatinine กับค่า eGFR  โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยร้อยละ  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติทดสอบ Independent t-test ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม และก่อน-หลัง ทดลองด้วยสถิติ Paired t-test พบว่า ความเชื่อในความสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ความรู้เรื่องโรคไตเรื้อรัง  พฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน  และ ค่าเฉลี่ยของการประเมินอัตราการกรองไต (eGFR) ในกลุ่มทดลองก่อนและหลังการใส่ Intervention แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  (p <.05)  และผลการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลอง กับกลุ่มเปรียบเทียบมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.05) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบของ Intervention ในการปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ความรู้เรื่องโรคไตเรื้อรัง  พฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน และชะลอความเสื่อมของไตในผู้ป่วยเบาหวานได้ ผลการวิจัยสามารถนำไปเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการดำเนินงานให้ความรู้ของคลินิกโรคไตเรื้อรังเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมและต่อเนื่อง โยสามารถชะลอโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักสารนิเทศ. สาธารณสุขสงขลาแนะประชาชนปรับพฤติกรรมการกินและเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อป้องกันภัยโรคเบาหวานในโอกาสวันเบาหวานโลก. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข ; 2556.

2. วิชัยเอก พลากร, เยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม, สุรศักดิ์ ฐานีพานิชกุล, หทัยชนก พรรคเจริญ, วราภรณ์เสถียร นพเกล้าและกนิษฐา ไทยกล้า. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2.นนทบุรี: เดอะ กราฟโก ซิสเต็มส์ ; 2552.

3. สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. การจัดการดูแลผู้ป่วยโรคไตในระยะเริ่มต้น.กรุงเทพฯ: ยูเนียนอุลตร้าไวโอเล็ต ; 2555.

4. โรงพยาบาลตากฟ้า. รายงานประจำปี 2556. เอกสารถ่ายสำเนา.

5. Bandura, A. “Self-efficacy Theory: toward a unify theory of behavior change”, 1977.

6. Bandura, A “Self-efficacy Mechanism in human Agency”, American sychologist.37,2,122-147.1982 “

7. Stanford Patient Education Center. “Diabetes Self-efficacy Scale” (Online) Available World –Wide Web: http://patienteducation. Stanford.edu/research/sediabetes.html. 2010.

8. ศิริชัย กาญจนวาสี. ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม.(ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย;2556.

9. รัตน์ อิมามี. “หน่วยที่ 9 เครื่องมือการวิจัย” ในประมวลสาระชุดวิชาสถิติและระเบียบวิธีวิจัยในงาน สาธารณสุข บัณฑิตศึกษา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. กรุงเทพฯ: 2543.

10. อัจฉราพรรณ ค้ายาดี. ผลลัพธ์ของโปรแกรมการจัดการด้วยตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีความเสี่ยงโรคไตวายรื้อรังต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคไตเรื้อรังและระดับฮีโมโกลบินเอวันซี รายงานวิจัยโรงพยาบาลบ้านไร่. อุทัยธานี : 2557.

11. ปิ่นแก้ว กล้ายประยงค์. ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการสร้างเสริมพฤติกรรมการปฏิบัติตัวเพื่อชะลอการเสื่อมของไตสู่ภาวะไตเรื้อรังระยะสุดท้ายของผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะที่ 3 และ 4 ที่แผนกผู้ป่วยนอกอายุรกรรมโรคไต โรงพยาบาลรามาธิบดี, วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(สุขศึกษา). กรงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2550.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

13-08-2019

รูปแบบการอ้างอิง

1.
สกุลยืนยง ส. ผลของรูปแบบการให้ความรู้ในการปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์. JDPC3 [อินเทอร์เน็ต]. 13 สิงหาคม 2019 [อ้างถึง 21 ธันวาคม 2025];11(2):61-76. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JDPC3/article/view/208931

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย