ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้และพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ของผู้มารับบริการในจังหวัดนครสวรรค์
คำสำคัญ:
ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่, พฤติกรรมการป้องกันบทคัดย่อ
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนโรคไข้หวัดใหญ่ วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ และ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้และพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ของผู้มารับบริการในจังหวัดนครสวรรค์ รูปแบบศึกษาเป็นแบบตัดขวาง(cross-sectional study) เก็บข้อมูลในช่วงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในสถานพยาบาลจังหวัดนครสวรรค์ระหว่างเดือน มิถุนายน–กรกฎาคม 2559 โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนได้ขนาดตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 386 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงอนุมานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่าประชาชนมีความรู้ ( = 8.6) และพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (=71.6 ) อยู่ในระดับสูง ตัวแปรพยากรณ์ปัจจัยในการทำนายความรู้โรคไข้หวัดใหญ่ได้แก่ เพศ จำนวนปีที่ศึกษา และการเคยได้รับวัคซีน สามารถร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 9 อย่างมีนัยสำคัญสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และ ตัวแปรพยากรณ์พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้แก่ เพศ อายุ จำนวนปีที่ศึกษา อาชีพ กลุ่มเสี่ยง การเคยได้รับวัคซีน และ ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 16 อย่างมีนัยสำคัญสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 จากผลการศึกษาครั้งนี้ ผู้กำหนดนโยบายควรพิจารณาลักษณะด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม ปัจจัยด้านสุขภาพ โดยเน้น ปัจจัยกำหนดที่มีผลต่อการเข้าถึงการองค์ความรู้ และ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ มาใช้ในการประกอบการพิจารณาจัดรูปแบบที่แตกต่างเพื่อการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
2. World Health Organization .[Internet] Recommended composition of influenza virus vaccines for use in the 2016 southern hemisphere influenza season. September 2015 ; [cited 2016 January 20 } available from: http://www.who.int/ influenza/ vaccines/ virus/recommendations /2016_south/en/.
3. สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค.[อินเตอร์เนต]. แนวทางการดำเนินงานให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล. 2016 ; มปป [เข้าถึงเมื่อ12 เมษายน 2559 ] เข้าถึงได้จาก: http:// thaigcd. ddc.moph.go.th/ uploads/file/EPI/flu%202016/Guideline%20Flu%20vac_2016.pdf.
4. วรยา เหลืองอ่อน (บรรณาธิการ).2554. คู่มือการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ปี 2554. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
5.ดาริกา กิ่งเนตร, วรยา เหลืองอ่อน, อัจฉรา วรารักษ์. (บรรณาธิการ). 2553. คู่มือการปฏิบัติงานป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่(H1N1)2009 สำหรับบุคลาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
6. คณะทำงานด้านการรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณะแพทย์มหาวิทยาลัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ.คู่มือทางการทางสาธารณสุขในการรักษาและดูแลผู้ติดเชื้อหรืออาจติดเชื้อไข้หวัดใหญ่. กระทรวงสาธารณสุข .2554.
7.สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค. [อินเตอร์เนต]. คำแนะนำในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่. [เข้าถึงเมื่อ 2 มีนาคม 2559] เข้าถึงได้จาก: http://beid.ddc.moph.go.th/ beid_2014/sites/ default/ files/ beidflu161158_060160.pdf.
8.โกษา สุดหอม.ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1.พุทธชินราชเวชสาร. 2009; 26 (2): 97-106.
9.พิพัฒน์พน ศิริประไพ. พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดศรีสะเกษ. วารสารศรีวนาลัยวิจัย.2555; 3(5): 98-107.
10.กิจติยา รัตนมณี, รวิวรรณ คำเงิน และ ปภาสินี แซ่ติ๋ว. ความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอชวัน เอ็นวัน 2009 ของครูและผู้ดูแลเด็กเล็ก ณ ศูนย์เด็กเล็ก ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. 2555; 22(3):26-38.
11.ธีรพงษ์ ดงภูยาว,วรัญญา โคตรจ้อย และเกษวดี ชมชายผล.การศึกษาความรู้ ความตระหนักและการป้องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเขตตาบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร.เมื่อ 2 มีนาคม 2559] เข้าถึงได้จาก: http://cph.snru.ac.th/UserFiles/File การศึกษาความรู้%20ความตระหนักและการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่.pdf.
12.รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 สำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2559.
13. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์. รายงานการประเมินสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ เขตสุขภาพที่ 3. 2559.
14.สำนักงานสถิติจังหวัดนครสวรรค์. [อินเตอร์เนต]. จำนวนประชากรจังหวัดนครสวรรค์พ.ศ.2559 [เข้าถึงเมื่อ 15 มีนาคม 2559] เข้าถึงได้จาก: http://nksawan.nso.go.th/ index.php?option=com_content &view=article&id=258:50-01-5447&catid=105:2012-01-09-07-07-49&Itemid=510.
15. Cochran, W.G. Sampling Techniques. New York: John Wiley & Sons. 1977.
16.เกล็ดดาว จันทฑีโร ปรีดาวรรณ บุญมาก ณิชาดา กิมศร อมาวสี กมลสุขยืนยง และงามตา เจริญธรรม ปัจจัยที่มีผลต่อการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (เอ็ช 1 เอ็น 1) 2009 ของบุคลากรโรงพยาบาลพระปกเกล้า.วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า. 2554; 28(2): 85-97.
17.ชไมพร จินต์คณาพันธ์ และคณะ. ความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันและ ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ เอชวัน เอ็นวัน 2009 ของประชาชน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี: วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี; 2552.
18. มลินี สมภพเจริญ. การวิเคราะห์ ประเมิน การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ (เอช 1 เอ็น 1) ของประชาชนไทย.วารสารการประชาสัมพันธ์และการโฆษณา. 2556; 6 (1): 17-30.
19.สัญญา สุปัญญาบุตร.ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด A (2009 H1N1) ของประชาชนอำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์.วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น.2554; 18(2): 1-11.
20. ธีรพงษ์ ดงภูยาว. วรัญญา โคตรจ้อย. และ เกษวดี ชมชายผล.การศึกษาความรู้ ความตระหนักและการป้องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเขตตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร.สำนักวิจัยและพัฒนา. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.มปป.
21.ปิยวรรณ สิงห์คาป้อง. ปัจจัยที่ความสัมพันธ์กับการเกิดวัณโรคปอดในผู้สัมผัสร่วมบ้านที่อาศัย อยู่ร่วมกับผู้ป่วยวัณโรคจังหวัดกาฬสินธุ. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ 2555; 4:73-88.
22. Kannika Katenil . Relationship Between Institutional Environment Health Promoting Behavior with Health Behavior Protection in Pandemic Flu A H1N1 of Police Nursing Students. Princess of Naradhiwas University Journal . 2553; 2 (2): 29-38.
23.ประเสริฐ มงคลศิริ, สุกัญญา ไผทโสภณ และ นภสวรรณ กลิ่นเก้างิ้ว. 2555. การส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 ในแกนนำนักเรียน โรงเรียนบ้านไร่วิทยา อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า; 29 (3) : 192-204.11.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


