การพัฒนาการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ จังหวัดอุตรดิตถ์
คำสำคัญ:
การพัฒนา, สุขภาพ, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์สถานะสุขภาพ พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน และประเมินผลรูปแบบการดูแลตนเองของผู้สูงอายุ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงประยุกต์ (Applied Research) ประชากรกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นการคัดเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) โดยคัดเลือกพื้นที่ในการศึกษาเป็นพื้นที่ที่มีผู้สูงอายุมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานมากที่สุด ได้แก่ ตำบลแสนตอ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างมีระบบ(Systematic sampling)จำนวน 30 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่มร่วมกับการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมการบันทึกภาคสนามรวมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า ( Triangulation Methods ) ข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานมีพฤติกรรมรูปแบบของการดูแลตนเองของผู้สูงอายุเป็นการผสมผสานกันระหว่างประสบการณ์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลักทฤษฏีและบริบทการดำเนินชีวิต โดยมุ่งเน้นที่การปลูกผักรับประทานเอง เน้นการรับประทานผัก เนื้อปลา งดดื่มสุรา และงดสูบบุหรี่ การทำจิตใจให้สดชื่น ด้วยการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน ออกกำลังกายร่วมกันสัปดาห์ละ 3 วัน ฟังเพลง ร้องเพลง ทำงานอดิเรก อันได้แก่ จักรสาน และมีการออกกำลังกายที่อยู่ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ อันได้แก่ การทำงานบ้าน การทำสวนครัว การปั่นจักรยาน การเดิน ดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตโบราณ ประกอบอาหารรับประทานเอง รับประทานอาหารพื้นบ้าน สัญจรในหมู่บ้านใช้การเดิน และปั่นจักรยาน การประเมินผลรูปแบบ พบว่า กิจกรรมในรูปบแบบที่มีผู้สูงอายุปฏิบัติได้ต่อเนื่องมากที่สุด คือ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ รองมาคือ การรับประทานผักเป็นหลัก การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายร่วมกัน รูปแบบการดูแลตนเองของผู้สูงอายุสามารถส่งผลให้ผู้สูงอายุมี ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงจากเดิมและอยู่ในเกณฑ์ปกติ จำนวน 26คน ผู้สูงอายุที่มีรอบเอวเกิดมีรอบเอวลดลงทุกคน และมีค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรมสุขภาพหลังปฏิบัติตามรูปแบบเพิ่มขึ้น
เอกสารอ้างอิง
2. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย. (2552). สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย(สสท.)
3. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์.(2554). สรุปสถิติที่สำคัญ พ.ศ. 2554.สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
4.สำนักงานสารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์. (2559). สรุปผลการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ปี 2559.
5. ธนัช กนกเทศ.(2557).การพัฒนาแผนยุทธศาสตร์สวัสดิการผู้สูงอายุ : กรณีศึกษาเทศบาลนครพิษณุโลก.วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์.
6. Ebersole, P. & Hess, P. (1998). Toward healthy aging. St. Louis : Mosby-Year Book, Inc..
7. วิภาพร สิทธิสาตร์สุ,ชาดา สวนนุ่ม. (2550). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชนเขตความรับผิดชอบของสถานีอนามัยบ้านเสาหินตำบลวัดพริกอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพุทธชินราชสถาบันพระบรมราชชนกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
8. ณิชารีย์ ใจคำวัง. (2558). พฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและ โรคความดันโลหิตสูง:
กรณีศึกษาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปากคะยาง จังหวัดสุโขทัย.วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
9. Pender, N. J. (1996).Health Promotion in Nursing Practice. (3rded.). NewYork :Appleton&Lange
10. เปิ่นนเรศ กาศอุดม, มัณฑนา เหมชะญาติ. (2554). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลตำบลบางกะจะอำเภอเมืองจังหวัดจันทบุรี.วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


