การรับรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
คำสำคัญ:
การรับรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, โรคเบาหวานบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เปรียบเทียบความแตกต่างของพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีการรับรู้ด้านสุขภาพแตกต่างกัน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในความรับผิดชอบของเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2558 จำนวน 194 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสัมภาษณ์ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล การรับรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคเบาหวาน และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบไคสแควร์ การทดสอบค่าที และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีการรับรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับสูง ( = 2.68, S.D. = 0.573) มีพฤติกรรมการดูแลตนเองอยู่ในระดับสูง ( = 2.48, S.D. = 0.579) ตัวแปรลักษณะส่วนบุคคลมี 1 ตัวแปร ได้แก่ สถานภาพสมรส มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ด้านสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) และมี 2 ตัวแปร ได้แก่ แหล่งที่มาของรายได้ และการมีภาวะแทรกซ้อน มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีการรับรู้ด้านสุขภาพต่างกันมีพฤติกรรมการดูแลตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (t = 2.842, p = 0.005) การรับรู้ด้านสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r = 0.326, p < 0.001) จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ และทัศนคติที่ถูกต้อง จะส่งผลให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ มีความสามารถ ในการดูแลสุขภาพของตนเองไม่เป็นภาระแก่บุคคลอื่น สามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหรือเป็นอันตรายต่อตนเอง และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้ จึงเป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญของบุคลากรสาธารณสุขที่จะต้องสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้มีกิจกรรมการพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล
เอกสารอ้างอิง
2. International diabetes federation. IDF Diabetes Atlas [Internet]. 7th ed. 2015 [cited 2015 Oct 1]. Available from: http://www.diabetesatlas.org/.
3. สำนักโรคไม่ติดต่อ. ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง [อินเทอร์เน็ต]. 2557 [เข้าถึงเมื่อ 1 ต.ค. 2558]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaincd.com /information-statistic/non-communicable-disease-data.php
4. สำนักงานบริหารยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีไทย. แผนยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย พ.ศ. 2554 – 2563. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ; 2555.
5. Pender, N.J. Health Promotion in Nursing Practice. New York: Appleton & Lange; 1996.
6. อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์; 2553.
7. สมชาย วรกิจเกษมสกุล. ระเบียบวิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. อุดรธานี: อักษรศิลป์การพิมพ์; 2553.
8. วิเชียร เกตุสิงห์. ค่าเฉลี่ยกับการแปรความหมาย: เรื่องง่ายๆ ที่บางครั้งพลาดได้. ข่าวสารวิจัยทางการศึกษา 2538; 3:8-11.
9. วิภาวรรณ ลิ้มเจริญ. ผลของการให้คำแนะนำแบบมีส่วนร่วมต่อความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคเบาหวานของประชาชนกลุ่มเสี่ยง. [วิทยานิพนธ์ปริญญา วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2542.
10. มงคลชัย แก้วเอี่ยม. การรับรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานตำบล หนองกลางนา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี. [การศึกษาอิสระปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม; 2550.
11. ลักษณา ทรัพย์สมบูรณ์. พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม. [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2551.
12. ฉัตรวลัย ใจอารีย์. ความสัมพันธ์ระหว่างการสนับสนุนทางสังคม พฤติกรรมการดูแลสุขภาพกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจวายเลือดคั่ง. [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2533.
13. เบญจมาศ สุขศรีเพ็ง. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ [อินเทอร์เน็ต]. 2550. [เข้าถึงเมื่อ 17 ส.ค. 2558]. เข้าถึงได้จาก: https://www.gotoknow.org /posts/115420
14. ศิริพร ปาระมะ. ความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลลี้ จังหวัดลำพูน. [วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัย เชียงใหม่; 2545.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


