ประสิทธิผลของการจัดระบบบริการผู้ป่วยเบาหวานตามแนวคิดการจัดการโรคเรื้อรัง เครือข่ายสุขภาพอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
คำสำคัญ:
ประสิทธิผล, ระบบบริการผู้ป่วยเบาหวาน, การจัดการโรคเรื้อรัง, เครือข่ายสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการจัดระบบบริการผู้ป่วยโรคเบาหวานตามแนวคิดการจัดการโรคเรื้อรังของเครือข่ายสุขภาพอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรการสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเครือข่ายสุขภาพของอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร จำนวน 278 คน เก็บรวมรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 9 - 20 เมษายน 2561 โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t – test และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 60–69 ปี การศึกษาระดับประถมศึกษา อาชีพเกษตรกรรม รายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท เหตุผลการเลือกรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลเนื่องจากใกล้บ้าน การรับรู้ส่วนใหญ่รู้ว่ามีการจัดระบบให้บริการผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างที่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีการจัดระบบการให้บริการ รับรู้ด้านการจัดทีมดูแลผู้ป่วยเบาหวาน การวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวาน และการจัดการผู้ป่วยเบาหวานเฉพาะราย ในระดับดี ผลการศึกษารายด้านพบว่า การจัดทีมดูแลผู้ป่วยเบาหวาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และการวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวาน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีการจัดระบบการให้บริการ มีการรับรู้ด้านการจัดทีมดูแลผู้ป่วยเบาหวาน การวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวาน และการจัดการผู้ป่วยเบาหวานเฉพาะราย ในระดับดี โดยพบว่าการจัดทีมดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ค่าเฉลี่ยสูงสุด และการวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวาน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ความพึงพอใจของการให้บริการผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจทุกด้านในระดับมาก รายด้านพบว่าความพึงพอใจการติดตามผลงานของทีมให้การดูแลสุขภาพ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และระยะเวลาที่รอคอยมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด นอกจากนี้พบว่า การรับรู้การจัดระบบให้บริการมีความพึงพอใจต่อการให้บริการแตกต่างกับการไม่รับรู้ว่ามีการจัดระบบให้บริการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01) และพบว่าปัจจัย การรับรู้ในบริการ ด้านการจัดการผู้ป่วยเบาหวานเฉพาะราย การรับรู้ในบริการ ด้านการวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วย และรายได้ประจำเดือน ร่วมกันพยากรณ์ความพึงพอใจต่อการจัดบริการผู้ป่วยเบาหวานได้ร้อยละ 59.5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01) ข้อเสนอแนะ ควรนำผลการศึกษาไปประกอบการวางแผนการจัดบริการผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้จากผลการศึกษาครั้งนี้ เพื่อยกระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
2. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และคณะ. วัฒนธรรมสุขภาพกับการเยียวยาแนวคิดทาง
สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาทางการแพทย์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สามลดา. 2550.
3. ฉายศรี สุพรศิลป์ชัย. เบาหวานในไทย บทเรียนจากนโยบายของประเทศพัฒนา. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข; ปีที่ 1; ฉบับที่ 2. 2550; 168-178.
4. สุพัตรา ศรีวณิชชากร และคณะ. การจัดการความรู้และสังเคราะห์แนวทางปฏิบัติของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, การจัดการระบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กรณี เบาหวานและความดันโลหิตสูง. นนทบุรี: บริษัท สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด. 2553.
5. วิโรจน์ เจียมจรัสรังสี และวิฑูรย์ โล่ห์สุนทร. การดูแลผู้ป่วยเบาหวานของหน่วยบริการปฐมภูมิ. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข; ปีที่ 2; ฉบับที่ 2. 2551;195-205.
6. ฉันทนา ชาวดร และ เพชรไสว ลิ้มตระกูล. การพัฒนาการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด โรงพยาบาลบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต].ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2555
7. สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย. รายงานสำเร็จรูป โครงการพัฒนาเครื่องมือและระเบียบวิธีการประเมินการตอบสนองผู้รับบริการ [อินเทอร์เน็ต]. 2556. [เข้าถึงเมื่อ 30 มกราคม 2561]. สืบค้นจาก: http://www.hisro.or.th/main/modules/research/attachgovernance/Full-text.pd
8. ศิริชัย พงษ์วิชัย. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 19. กรุงเทพฯ: วี.พรินทร์. 2551.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


