ปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในภาคเหนือตอนบน
คำสำคัญ:
ความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล, เจตคติ, ความเชื่อ, ความสามารถของตน, การคล้อยตามบุคคลสำคัญ, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในภาคเหนือตอนบน จำนวน 500 คน คัดเลือกโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามส่วนบุคคล และแบบสอบถามความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล ประกอบด้วย 7 ตอน คือ 1) ความเชื่อต่อวิชาชีพการพยาบาล 2) ความเชื่อที่ได้รับจากบุคคลที่มีสำคัญ 3) ความเชื่อต่อความสามารถของตนฯ 4) เจตคติต่อวิชาชีพฯ 5) การคล้อยตามความเห็นของบุคคลที่มีความสำคัญ 6) การรับรู้ความสามารถของตนในการศึกษาฯ และ 7) ความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล ซึ่งแต่ละด้านมีค่าความเชื่อมั่นแอลฟาครอนบาค เท่ากับ .771, .913, .720, .913, 649, .537, .576 ตามลำดับ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการศึกษาพบว่า
- ปัจจัยเจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล ความเชื่อต่อความสามารถของตนฯ การรับรู้ความสามารถของตนในการศึกษาวิชาชีพฯ ความเชื่อต่อบุคคลที่มีความสำคัญ และความเชื่อต่อวิชาชีพการพยาบาล มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล มีค่า r =.863, .605, .453, .356, .321 ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 และการคล้อยตามความคิดเห็นของบุคคลที่มีความสำคัญ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล มีค่า r =.100 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
- ตัวแปรที่ส่งผลต่อความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลได้ดีที่สุด คือ เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล
(β =.863, p < .001) ซึ่งตัวแปรนี้เพียงตัวแปรเดียวสามารถพยากรณ์ได้ร้อยละ 74.50 (R2 = .745 , Adjusted R2 =.74 ,
F = 1453.028, p < .001)
จากผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เจตคติมีอิทธิพลต่อความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล ดังนั้น วิทยาลัยพยาบาลและสถาบันพระบรมราชชนก ควรประชาสัมพันธ์และ/หรือจัดกิจกรรมโดยออกแบบวิธีการใหม่ ๆ ทันสมัยเพื่อให้นักเรียนมัธยมศึกษาตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. กลุ่มโรคเรื้อรัง (NCD). [อินเทอร์เน็ต]. 2561. [เข้าถึงเมื่อ
25 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก http://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176
3. วิจิตร ศรีสุพรรณ และ กฤษดา แสวงดี. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพ
ในประเทศไทย. วารสารสภาการพยาบาล 2555; 27(1): 5-12.
4. ชลาลักษณ์ สิริภักดีกาญจน์ และเบญจมาศ บุญรับพายัพ. การพัฒนาบันไดวิชาชีพทางการพยาบาล. วารสาร
พยาบาลทหารบก 2557; 15(3): 75-80.
5. Needleman, J., Buerhaus, P. Mattke, S., Mattke, M., Stewart, & K. Zelevinsky. Nurse-staffing
level and the quality of care in hospitals. N Eng J Med 2002; 346(22): 1715-22.
6. . การพัฒนาระบบการแนะแนวโลกของงานอาชีพนักเรียนไทยยุค Thailand 4.0. [อินเทอร์เน็ต].
2560. [เข้าถึงเมื่อ 25 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก https://www.slideshare.net/cchatpong/thailand-
40-84872581
7. สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ
ของสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข ปีการศึกษา 2560. นนทบุรี: กลุ่มพัฒนาการศึกษาสถาบัน
พระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข; 2560.
8. ศศิวิมล เกลียวทอง. ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อทักษะชีวิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal 2013; 6(3): 443-60.
9. Ajzen, J. The Theory of Planned Behavior. Organizational Behavior and Human Decision
Process, 1991; 50(2): 179-211.
10. มัณฑนา เหมชะญาติ, รัชชนก สิทธิเวช และศุภกิจ เฉลิมกิตติชัย. การเปรียบเทียบความตั้งใจและปัจจัย
ที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจในการเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลของนักเรียนมัธยมศึกษา ชั้นปีที่ 6
ในเขตภาคตะวันออก ในปีการศึกษา 2547 กับปีการศึกษา 2553. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า
จันทบุรี 2554; 22(2): 28-49.
11. รุ่งศรี แสงแก้วศรี. ความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติกลุ่มอ้างอิงต่อวิชาชีพพยาบาลกับการเลือกเรียนในคณะ
พยาบาลศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เขตภาคเหนือตอนล่าง. วารสารสวนปรุง 2550; 22(2): 34-42.
12. นงลักษณ์ สุวิสิษฐ์ และศรินรัตน์ วัฒนธรนันท์. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมัครเข้าศึกษาสาขา
พยาบาลศาสตร์. ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.). [เข้าถึงเมื่อ
15 พฤษภาคม 2560] เข้าถึงได้จาก: http://app.eng.ubu.ac.th/~ubusenate/news_file/cufst_19.pdf
13. Tabachnick, BG. & Fidell, L.S. Using multivariate statistics (5th ed.). Boston: Pearson; 2007.
14. อมรรัตน์ ศรีคำสุข โซโตะ, วิภาพร วรหาญ และวิพร เสนารักษ์. ความสุขของนักศึกษาพยาบาลหลักสูตร
พยาบาลศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2554; 34(2): 70-78.
15. ปณิธาน วัฒนพานิชกิจ และภาวรรณ พันธุ์ไพโรจน์. การประเมินหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ปทุมธานี: มปพ.; 2551.
16. Ajzen, I, & Cote NG. Attitude and the prediction of behavior. In: Crano WD, & Prislin R, (Eds.).
Attitudes and attitude change. NY: Psychology press; 2008. p. 289-311.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


