การพัฒนาและการจัดหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาโทสาขาเภสัชกรรมคลินิกในระบบชุด (Module system) โดยความร่วมมือของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
โครงการความร่วมมือระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (knowledge management) ซึ่งเป็นนวัตกรรมของความร่วมมือระหว่างส่วนราชการหลายส่วนราชการในการพัฒนางานเภสัชกรรมโรงพยาบาลและการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับปริญญาโทสาขาเภสัชกรรมคลินิก เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของเภสัชกรให้สามารถมีบทบาทที่สูงขึ้นในการดูแลปัญหาด้านยาของผู้ป่วย โดยมีกรอบแนวคิดการพัฒนาและการจัดการ ดังนี้
1. เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยภูมิภาค 4 แห่ง ในการร่วมพัฒนาบทบาทเภสัชกรโรงพยาบาลจากอดีตที่เน้นเฉพาะด้านผลิตภัณฑ์ ไปสู่บทบาทที่มุ่งเน้นในการดูและปัญหาด้านยาของผู้ป่วยมากขึ้น ที่เรียกว่า งานเภสัชกรรมคลินิก ซึ่งได้มีการพัฒนาต่อเนื่องมาสู่การบริบาลทางเภสัชกรรมในปัจจุบัน
2. ร่วมจัดหลักสูตรการประชุมอบรมโดยเน้นการจัดในระบบชุดวิชา (module system) ในลักษณะการประชุมอบรมระยะสั้น (40 ชั่วโมง) ซึ่งเทียบได้กับ 1 รายวิชา เพื่อให้การเข้าประชุมอบรมทางวิชาการของเภสัชกรในแต่ละโรงพยาบาลในแต่ละปีไม่สูญเปล่า โดยสามารถเก็บสะสมรวมเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาต่อในหลักสูตรปริญญาโทต่อได้ หากมีความสนใจ หรืออาจเป็นเพียงการเข้าเพิ่มพูนความรู้เฉพาะคราว
3. คณะเภสัชศาสตร์ ทั้ง 4 แห่งที่ร่วมโครงการ ร่วมกันจัดการประชุมอบรมตามความชำนาญของแต่ละคณะ รวมประมาณ 10-15 การประชุม (รายวิชา) ในแต่ละปี โดยสำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (กองโรงพยาบาลภูมิภาคเดิม) จะรับผิดชอบประชาสัมพันธ์การประชุมให้โรงพยาบาลทุกแห่งทราบตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้เภสัชกรแต่ละโรงพยาบาลสามารถวางแผนสมัครเข้าร่วมการประชุมอบรมล่วงหน้าในแต่ละปีได้
4. ผู้สนใจเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท ต้องส่งการบ้าน และขอสอบเก็บคะแนนในวิชาดังกล่าวไว้หลังการประชุมอบรม การเข้าร่วมประชุมอบรมในแต่ละครั้งจะสามารถเก็บสะสมผลไว้ได้ 3 ปี และเมื่อเริ่มลงทะเบียนเรียน ณ มหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งที่ร่วมโครงการ ผลการสอบในวิชาที่ได้เข้าประชุมอบรมในสถาบันอื่น ๆ จะถูกส่งมาเพื่อเทียบโอนหน่วยกิตให้ในมหาวิทยาลัยที่ได้ลงทะเบียนเป็นนักศึกษา และในระหว่างการศึกษารายวิชาไม่ต้องลาศึกษาเต็มเวลา เนื่องจากการเรียนในรายวิชาเป็นเหมือนการเข้าร่วมประชุมอบรมวิชาการปกติ ทำให้โรงพยาบาลไม่เกิดการขาดแคลนบุคลากรเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากจะเหมือนการลาไปประชุมอบรมตามปกติของเจ้าหน้าที่ทั่วไป
5. การจัดทำวิทยานิพนธ์ จะเน้นให้ทำในเรื่องที่เป็นลักษณะการสร้างงานใหม่ในโรงพยาบาลของตนเอง เป็นหลักเพื่อให้การศึกษาเกิดผลต่อการพัฒนางานของโรงพยาบาลที่ชัดเจนควบคู่ไปด้วย
6. หลักสูตรกำหนดให้มีการฝึกปฏิบัติงาน 6-8 clerkships (clerkships ละ 1 เดือน) โดยการฝึกปฏิบัติเป็นการฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาลต่าง ๆ (ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยที่ได้ร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาให้มีกิจกรรมที่ได้มาตรฐาน) ที่มีการดำเนินการในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ดี และหากโรงพยาบาลที่สังกัดมีกิจกรรมปฏิบัติที่ดีในเรื่องใด ที่คณะกรรมการร่วมหลักสูตรรับรอง ก็สามารถอยู่ปฏิบัติที่โรงพยาบาลได้เลย
7. สำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพและคณะเภสัชศาสตร์ทั้ง 4 สถาบัน ร่วมมือกันสนับสนุนและพัฒนางานเภสัชกรรมคลินิกของโรงพยาบาลเป้าหมายเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติมาตรฐานทางด้านเภสัชกรรมคลินิก ซึ่งเป็นการพัฒนาบทบาทเภสัชกรโรงพยาบาลควบคู่ไปด้วย
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
-