ความเต็มใจที่จะจ่ายของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจ ต่อโครงการสุขภาพหัวใจดีที่บ้าน : กรณีศึกษาศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเต็มใจที่จะจ่ายสำหรับเข้าร่วมโครงการสุขภาพหัวใจดีที่บ้านของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจที่มารับบริการ ที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยทำการสัมภาษณ์ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจและ/หรือผู้ที่จ่ายค่าสมัครเข้าร่วมโครงการสุขภาพหัวใจดีที่บ้านให้แก่ผู้ป่วย การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสัมภาษณ์ความเต็มใจที่จะจ่ายด้วยเทคนิค Modified bidding game ในผู้ป่วยหรือญาติจำนวน 56 คน ที่มารับบริการ ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเมษายน 2548 ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจเข้าร่วมโครงการ (ร้อยละ 87.5) ส่วนค่ามัธยฐานของความเต็มใจที่จะจ่าย เท่ากับ 500 บาทต่อปี ค่าพิสัยของควอไทล์ที่ 1 และ 3 เท่ากับ 700 บาทต่อปี ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ พบว่า สถานภาพสมรส และรายได้ของครอบครัว มีความสัมพันธ์กับความเต็มใจที่จะจ่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจเชิงพหุ (R2) ร้อยละ 34.2
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Frew EJ, Wolstenholme JL, Whynes DK. 2004. Comparing willingness to pay: bidding game format versus open-ended and payment scale formats. Health Policy 38(3): 289-298.
Greenberg D, Bakhai A, Neumann PJ, and Cohen DJ. 2004. Willingness to pay for avoiding coronary restenosis and repeat revascularization: results from a contingent valuation study. Health Policy 70(2): 207-216.
Karen G., James R. Willingness to pay surveys for setting prices for reproductive health products and service. http://www.futuresgroup.com/Documents/WTPmanual.pdf. Accessed October 29, 2004.
Kessomboon N. 2002. Willingness to pay for Pharmaceutical care in NE Thailand. [Ph. D Thesis in Pharmaceutical Science]. Aberdeen: The Robert Gordon University. pp 27-28, 79-84, 100-104.
Whittington D, Matsui-Santana O, Freiberger J, et al. 2002. Private demand for a HIV/AIDS vaccine: evidence from Guadalajara, Mexico. Vaccine 20: 2585-2591.
World Health Organization. Health Expenditure. http://www.who.int/whosis/country/compare.cfm?language=english&country=tha&indicator=strPcTotEOHinIntD2002. Accessed May 1, 2005.