การศึกษาความเป็นพิษต่อเซลล์และความเป็นพิษทางพันธุกรรมของนํ้ามันปรุง อาหารทอดซ้ำในเซลล์เพาะเลี้ยง
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาปริมาณของสารก่อมะเร็งกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) และ ความเป็นพิษต่อเซลล์จากสารสกัดของน้ำมันทอดซ้ำ เมื่อปริมาณร้อยละของค่าโพลาร์รวม (Total polar compounds, %TPC) เพิ่มขึ้นโดยศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยง (HepG2) ทำการทดสอบในน้ำมันพืชสองชนิด คือน้ำมันถั่วเหลือง (SBO) และน้ำมันปาล์ม (PO) โดยการทอดที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส วัด %TPC ด้วยวิธีมาตรฐาน IUPAC 2.507 วัดปริมาณ PAHs โดยเทคนิคการสกัดด้วยตัวทำละลายและวิเคราะห์ปริมาณด้วยเทคนิคแก๊สโครมาโทกราฟี (GC) เปรียบเทียบกับ PAHs มาตรฐาน 18 ตัว วัดความเป็นพิษต่อเซลล์โดยดูการมีชีวิตรอดของเซลล์ (MTT assay) และ การเกิดไมโครนิวเคลียส (Micronucleus assay) จากการศึกษาพบว่าไม่พบ PAHs ในสารสกัดของน้ำมันถั่วเหลืองที่มี %TPC น้อยกว่า 25 ในน้ำมันปาล์มตรวจพบ fluorene, phenanthrene และ anthracene ที่ %TPC 20.30 และ ค่า %TPC ที่สูงขึ้น บ่งชี้ถึงปริมาณของ PAHs และปริมาณระดับ %TPC ของน้ำมันที่กฎหมายกำหนดคือไม่เกินร้อยละ 25 ความเป็นพิษต่อเซลล์ของสารสกัดน้ำมันปาล์มทดสอบยืนยันด้วยวิธี MTT assay ที่เวลา 48 และ 72 ชั่วโมง พบว่าทำให้การมีชีวิตรอดของเซลล์ลดลงและจากข้อมูลการทดสอบความเป็นพิษทางพันธุกรรม สารสกัดจากน้ำมัน ถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มที่ %TPC 39.66 และ 29.54 ตามลำดับ ทำให้เกิดไมโครนิวเคลียสเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากข้อมูลการศึกษานี้พบว่าปริมาณสารก่อมะเร็งกลุ่ม PAHs พบสูงขึ้นเมื่อค่า %TPC สูงขึ้นและสารสกัด จากน้ำมันทั้งสองชนิดมีความเป็นพิษต่อเซลล์และพิษทางพันธุกรรมเมื่อเซลล์ได้รับสัมผัส ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้จึงน่าที่จะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการรณรงค์เพื่อป้องกันการได้รับสารพิษอันไม่พึงประสงค์จากน้ำมันทอดซ้ำที่เสื่อมคุณภาพแก่ผู้บริโภค
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Conserving oil quality [online]. 2005. [cited 2009Feb 24]. Available from http://www.asiafoodjournal.com
Dobarganes MC, Velasco J, Dieffenbacher A. Determination of polarcompounds, polymerizeds and oxidized diacylglycerols and triacylglycerols in oils and fats. Pure Appl Chem 2000; 72: 1563-1575.
Halliwell B, Gutteridge JMC. Can oxidation DNA damage be used as abiomarker of cancer riskin humans problems, resolution studies. Free Radical Research 1998; 29: 469-486.
Hodgeson JW. Polycyclic aromatic hydrocarbons: EPA method 550.1. US Environmental Protection Agency 1990; 143.
Howard JW, Fazio T, White RH. Polycyclic aromatic hydrocarbon in solvent use in extraxct edibleoils. J Agr Food Chem 1994; 2: 5-7.
Manoj K, Padey A, ditya B, Pant MD. In vitrocytotoxicity of polycyclicaromatic hydrocarbonresiduesarising through repeated fish fried oil in human hepatoma Hep G2 cell line. Toxicology in Vitro 2006; 20: 308-316.
Ramesh M, et al. Bioaviability and risk assessment of orally ingested polycyclic aromatic hydrocarbon. J Toxicol 2004; 23: 301-333.
Valentin-Severin I, Le Hegarat L, Lhuguenot JC, Le BonAM, Chagnon MC. Use of HepG2 cell line for direct or indirect mutagens screening: comparative investigation between comet and micronucleus assays. Mutation Research2003; 536: 79-90.