การดำเนินโรค และผลลัพธ์ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในโรงพยาบาลชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง มีวัตถประสงค์เพื่อสืบค้นการดำเนินโรค และผลลัพธ์ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ในโรงพยาบาลชุมชนของจังหวัดอำนาจเจริญโดยเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่มีค่าครีเอทีนินในซีรั่ม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2546 และวันที่ 31 ธันวาคม 2550 คัดเลือกผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีค่า glomerular filtration rate (GFR) น้อยว่า 60 ml/min/ 1.73 m2 นาน 3 เดือนตามนิยามของแนวทาง Kidney Disease Outcome Quality Initiative ค่า GFR คำนวณโดยใช้ สมการ Abbreviated Modification of Diet in Renal Disease ผลลัพธ์ที่ศึกษา ได้แก่ การดำเนินโรค การเสียชีวิต การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการใช้ยาที่ต้องปรับขนาดยา โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ Kaplan-Meier survival analysis ในการแสดงข้อมูล ในช่วงปี 2546-2550 มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 จำนวน 749 ราย ผู้ป่วย โรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 จำนวน 162 ราย และผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 5จำนวน 103 ราย อายุเฉลี่ย 61.5+11.3ปี เพศหญิงร้อยละ 68.6 จากการติดตามผู้ป่วยเป็นเวลา 4 ปี พบว่าอัตราการดำเนินโรคไตเรื้อรังจากระยะที่ 3 ไปเป็น ระยะที่ 4 ร้อยละ 19.1 อัตราการดำเนินโรคไตเรื้อรังจากระยะที่ 4 ไปเป็นระยะที่ 5 ร้อยละ 34.6 อัตราการเสียชีวิต ด้วยสาเหตุใด ๆ ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 ร้อยละ 61.2ส่วนการเข้านอนโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ ที่ 5 พบร้อยละ 80.6 ความถี่ในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 4.7 ครั้งต่อผู้ป่วย 1 ราย จำนวนวันนอนเฉลี่ย 3.5 วัน และ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 และ 5 ได้รับยาที่ไม่ได้ปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามการทำงานของไตคิดเป็นร้อยละ 2.3 การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีการดำเนินโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วนำไปสู่อัตราการเสียชีวิตและอัตรา การเข้านอนในโรงพยาบาลสูง ดังนั้นจึงควรกำหนดวิธีการปฏิบัติเพื่อชะลอการดำเนินโรคของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในโรงพยาบาลชุมชนต่อไป
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Alexander M, Bradbury BD, Kewalramani R, et al. Chronic kidney disease and US healthcare resource utilization in a nationally representative sample. Am J Nephrol 2009; 29(5): 473-82.
Aronoff GR, Berns JS, Brier ME. Drug prescribing in renal failure: dosing guidelines for adult. 4th ed. Philadelphia: American College of Physicians; 1999.
Khan SS, Kazmi WH, Abichandani R, et al. Healthcare utilization among patients with chronic kidney disease. Kidney Int 2002; 62(1):229-36.
National Kidney Foundation. K/DOQI clinical practice guidelines for chronic kidney disease: evaluation, classification, and stratify cation. Am J Kidney Dis 2002; 39(2 Suppl 1): S1-266.
Nitiyanant W, Chetthakul T, Sang AkP, et al. A survey study on diabetes management and complication status in primary care setting inThailand. J Med Assoc Thai 2007; 90(1):65-71.
Perkovic V, Cass A, Patel AA, et al. High prevalence of chronic kidney disease in Thailand. Kidney Int 2008; 73(4): 473-9.
United States Renal Data System. USRDS 2007annual data report. Bethesda: the national institutes of health, national institute of diabetes and digestive and kidney diseases;2007.
Zhang QL, Rothenbacher D. Prevalence of chronic kidney disease in population-based studies: systematic review. BMC Public Health 2008;8: 117-30.