ความสัมพันธ์ของลักษณะความคล้ายกันของยา ลักษณะการจัดวางยา จำนวนรายการยาต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรม ต่อความเสี่ยงของการเกิดความคลาดเคลื่อนในการจัดจ่ายยา กรณีศึกษาฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลทรายมูล
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์ของลักษณะความคล้ายกันของยา ลักษณะการจัดวางยา จำนวนรายการยาต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรม ที่มีต่อความเสี่ยงของการเกิดความคลาดเคลื่อนในการจัดและจ่ายยา โดยทำการศึกษาในฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลทรายมูล จังหวัดยโสธร เป็นการศึกษาจากใบสั่งยาในงานบริการเภสัชกรรมผู้ป่วยนอก ในช่วงระยะเวลา 4 เดือน คือเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2552 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ทำการศึกษาความถี่ของความคลาดเคลื่อนทางยาที่เกิดขึ้น และเก็บข้อมูลลักษณะความคล้ายกันของยา ลักษณะการ จัดวางยา จำนวนรายการยาต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรม วิเคราะห์ข้อมูลอัตราการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาโดยสถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยสถิติ Binary multiple logistic regression analysis จากการศึกษาข้อมูลใบสั่งยาทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าวจำนวน 8,053 ใบสั่งยา พบความคลาดเคลื่อนทางยาที่เกิดขึ้นในฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน จำนวน 203 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2.52 โดยเป็นความคลาดเคลื่อนในการจัดยา 197 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2.45 และความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา 6 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 0.07 ทำการศึกษาความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความคล้ายกันของยา ลักษณะการจัดวางยา จำนวนรายการยาต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาให้บริการเภสัชกรรม ที่มีต่อความเสี่ยงของการเกิดความคลาดเคลื่อนในการจัดจ่ายยา ซึ่งประกอบไป ด้วย 9 ตัวแปร คือ การมียาชื่อคล้ายกัน การมียารูปร่างคล้ายกัน การมียาชนิดเดียวกันหลายความแรง การมียาชนิดเดียวกันหลายรูปแบบ การจัดวางยาชื่อคล้ายกันไว้ใกล้กัน การจัดวางยารูปร่างคล้ายกันไว้ใกล้กัน การจัดวางยาชนิด เดียวกันหลายความแรงไว้ใกล้กัน จำนวนรายการยาต่อใบสั่ง และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรม (เช้า-บ่าย) การ วิเคราะห์ Binary multiple logistic regression analysis โดยการนำตัวแปรอิสระทั้ง 9 ตัวแปร เข้าหาความสัมพันธ์ กับความคลาดเคลื่อนทางยาพร้อมๆ กัน ผลการศึกษาพบความสัมพันธ์ของตัวแปรที่มีต่อการเกิดความคลาดเคลื่อน ในการจัดจ่ายยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ดังนี้ การมียาชื่อคล้ายกันมีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนในการ จัดจ่ายยาเป็น 1.706 เท่าของการไม่มียาชื่อคล้ายกัน (OR = 1.706, 95%CI = 1.102-2.643) การมียาชนิด เดียวกันหลายความแรงมีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนเป็น 2.074 เท่า เมื่อเทียบกับใบสั่งยาที่ไม่มียาชนิดเดียวกัน หลายความแรง (OR = 2.074, 95%CI = 1.204-3.575)การมีจำนวนรายการยา 7-11 และมากกว่า 11 รายการ ยาต่อใบสั่งยา มีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนเป็น 9.490 เท่า (OR = 9.490, 95%CI = 2.098-42.926) และ 18.907 เท่า (OR = 18.907, 95%CI = 3.385 -105.587) ตามลำดับ เมื่อเทียบกับใบสั่งยาที่มียา 1 รายการ และการให้บริการเภสัชกรรมในช่วงเช้ามีโอกาสความคลาดเคลื่อนเป็น 1.973 เท่า เมื่อเทียบกับในช่วงบ่าย (OR = 1.973, 95%CI = 1.221 - 3.187)
จากรูปแบบการศึกษาความสัมพันธ์ของลักษณะความคล้ายกันของยา ลักษณะการจัดวางยาไว้ใกล้กัน จำนวน รายการยาต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรม ที่มีต่อความเสี่ยงของการเกิดความคลาดเคลื่อนในการ จัดจ่ายยา กรณีศึกษาฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลทรายมูล ทำให้ทราบถึงปัจจัยเอื้อที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัย สำคัญทางสถิตกับการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา ได้แก่ การมียาชื่อคล้ายกัน การมียาชนิดเดียวกันหลายความแรง การมีจำนวนรายการยาหลายรายการต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรมในช่วงเช้า ดังนั้นเภสัชกรและ เจ้าพนักงานเภสัชกรรมโรงพยาบาลทรายมูลนอกจากจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพด้วยความรอบคอบแล้ว ยังควรจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการจัดจ่ายยาในกรณีที่ปฏิบัติงานกับยาชื่อคล้ายกัน การมียาชนิดเดียวกันหลายความแรง การมีจำนวนรายการยาหลายรายการต่อใบสั่งยา และช่วงเวลาการให้บริการเภสัชกรรมในช่วงเช้า
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Adnan B, Bryony DF. and Nick B. The frequency andpotential causes of dispensing error in ahospital pharmacy. Pharm World Sci 2005;27: 182- 90.
Brennan TA, Leape LL, Laird NM, et al. Incidence ofadverse events and negligence in hospitalizedpatients. Results of the Harvard MedicalPractice Study I. N Eng J Med 1991; 324:370-76.
Institute of Medicine (IOM). Preventing MedicationErrors. 2008 [cited 2008 July 14]. Availablefrom: http://www.iom.edu/Object.File/Master/35/943/medication%20errors%20new.pdf.
Kohn LT, Corrigan JM, and Donaldson MS. (Eds.)2000. To Err Is Human: Building a Safer HealthSystem. Washington D.C: National AcademyPress; 2000.
Nichols P, Copeland TS, Craib LA, et al. Learningfrom error: identifying contributory cause ofmedication errors in an Australian hospital. MJA2008; 188(5): 276-79.
Tuula T, Virpi G. and Marja A. A system approach todispensing errors: a national study onperception of the finish community pharmacist.Pharm World Sci 2008; 30: 823-33.