การอธิบายความเจ็บป่วยตามการรับรู้ของผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: แบบจำลองการอธิบายความเจ็บป่วยเป็นแบบจำลองที่สร้างขึ้นโดยการให้ความหมาย ความเข้าใจ ในมุมมองของผู้ป่วยต่อความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น โดยมีความเชื่อ วัฒนธรรม ประสบการณ์มาเกี่ยวข้อง การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะอธิบายและหาความแตกต่างของแบบจำลองการอธิบายความเจ็บป่วยของผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง วิธีดำเนินการวิจัย: ใช้วิธีการเก็บข้อมูล โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 18 รายซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ควบคุมอาการของโรคได้ 10 รายและผู้ป่วยที่ควบคุมอาการของโรคไม่ได้ 8 ราย ที่รับบริการที่ รพ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายน 2558 ผลการวิจัย: ผู้ให้ข้อมูล สำคัญทั้งสองกลุ่มมีการสร้างแบบจำลองการอธิบายความเจ็บป่วยที่คลายคลึงกัน โดยอาศัยความเชื่อ ประสบการณ์การเจ็บป่วยของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อส่วนใหญ่จะเรียกตามบุคลากรทางแพทย์ครั้งแรกว่า โรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งการรับรู้เกี่ยวกับโรคพบว่ามีความแตกต่างระหว่างกลุ่มควบคุมได้และไม่ได้ นอกจากนี้ความเข้าใจต่อสาเหตุของการเจ็บป่วยส่วนใหญ่สวนมาจากพฤติกรรมในอดีตของตนเอง อาการที่ แสดงออกของโรค ที่สำคัญได้แก่ การไอ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียง หอบ เหนื่อย ทำให้รับวัดความรุนแรง ของโรคต่างกันตามประสบการณ์ของการเกิดอาการโดยกลุ่มควบคุมอาการได้มองว่าโรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรง ต่างจากกลุ่มควบคุมอาการไม่ได้ ทำให้เห็นความสำคัญของการใช้ยา และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการกำเริบ ร่วมทั้งมีการแสวงหาการรักษาแบบอื่น เช่น สมุนไพร แตกต่าง กัน ผู้ให้ข้อมูลทั้งสองกลุ่มมีการประเมินภาวะของโรคไม่ได้ใช้ผลการตรวจสมรรถภาพของปอดเหมือนกับ บุคลากรทางการแพทย์แต่ประเมินโดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับความรู้สึกของร่างกายเช่น สบาย หายใจโล่ง และความสามารถในการทำกิจกรรมต่าง ๆ สรุปผลการวิจัย: ผู้ให้ข้อมูลสำคัญทั้งสองกลุ่มสร้างแบบจำลอง ความเจ็บป่วยที่คลายคลึงกัน โดยประเด็นที่มีการอธิบายแตกต่างกันมีปัจจัยของความเชื่อ ประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจในแบบจำลอง เพื่อนำมาเชื่อมโยงพัฒนากระบวนการรักษาของผู้ป่วย ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นต่อไป
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Boonsawat W, Chronic Obstructive pulmonary Disease: Pharmaceutical care of Asthma Sinusitis Allergies and Chronic Obstructive Pulmonary Disease.1 st ed. Khonkean: KrangNaNa Wittaya Publisher; 2010.
Chanthapasa K. The analytical model to describe the illness and treatment options in the context of power relations between patients and providers [Master of Pharmacy]. Bangkok: Chulalongkorn University; 2004.
Chomputhat S. Factors Relating to Relapse in Chronic Obstructive Pulmonary Disease [Master of Pharmacy]. Chiang Mai: ChiangMai University; 2007.
Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease. GOLD 2017 Global strategy for the Diagnosis, Management and Prevention of COPD [Online] 2016 [Cited 2016 Jan 10]. Available from: http://goldcopd.org/gold-2017-global-strategy-diagnosis-management-prevention-copd/.
Good BJ. Medicine, rationality, and experience. An anthropological perspective. Cambridge, UK. Cambridge University Press, 1994: 48-52.
Kleinman A. Patients and healers in the Context of culture. London: University of California; 1980.
Loignon C, Bedos C, Sevigny R, Leduc N. Understanding the self-care Strategies of patients with asthma. Patient Education and Counseling [Serial online] 2009; 75(2): 256-262.
WHO, Burden of COPD [Online]. 2015 [Cited 2015 May 20]. Available from: http://www.who.int/respiratory/copd/burden/en/.