การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองแต้น้อย อำเภอนาคูน จังหวัดมหาสารคาม
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองมีวัตถประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมตามแบบแผนความเชื่อ ด้านสุขภาพร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน เปรียบเทียบพฤติกรรมในการ รับรู้ และเปรียบเทียบการป้องกันโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ ก่อน และหลังการทดลอง ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลล่งเสริมสุขภาพตำบลหนองแต้น้อย ตำบลหนองคู อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม วิธีดำเนินการวิจัย: รูปแบบเป็นการวิจัยกึ่งทดลองโดยการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ตามเกณฑ์คัดเลือกคุณสมบัติเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินทีมีอายุระหว่าง 30 - 60 ปี แบ่งออกเป็นกลุ่ม ทดลอง 30 คนและกลุ่มเปรียบเทียบ 30 คน ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 12 สัปดาห์ โดยกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการ ส่งเสริมสุขภาพตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ประกอบด้วยแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค 2) การรับรู้ความรุนแรงของการเกิดโรค 3) การรับรู้ประโยชน์ และ 4) การรับรู้ อุปสรรค เก็บรวบรวมข้อมูลก่อนและหลังการทดลองโดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูป การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปใช้สถิติเชิงพรรณนา และใช้สถิติ เชิงอนุมานในการวิเคราะห์การเปรียบเทียบความแตกต่าง ค่าคะแนนเฉลี่ยภายในกลุ่มวิเคราะห์ด้วยสถิติ Paired Sample t-test และระหว่างกลุ่มวิเคราะห์ด้วยสถิติ Independent Sample t-test ผลการวิจัย: ภายหลังการดำเนินกิจกรรมตามโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพดังกล่าว กลุ่มทดลองมีค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ในองค์ประกอบ 4 ด้าน คือ 1) การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน 2) การรับรู้ความรุนแรงของการเกิด ภาวะแทรกซ้อน 3) การรับรู้ประโยชน์ และ 4) การรับรู้อุปสรรคของการรับประทานยาและการควบคุมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมากกว่าก่อนการทดลอง และมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value<0.05) สรุปผลการวิจัย: การดำเนินกิจกรรมตามโปรแกรมดังกล่าวสามารถบรรลุผลการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายได้ ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการวิจัยครั้งนี้ คือ การสร้างการรับรู้ร่วมกันระหว่างผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน และร่วมมือกันในการดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้านและชุมชน ผ่านพื้นที่เรียนรู้ ที่เรียกว่า “กิจกรรม 3 ลานพิชิตเบาหวาน” ที่เน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชนสามด้านคือ การดูแลจิตใจ อาหาร และการออกกำลัง ภายในพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายสะดวก เข้าถึงง่าย และสอดคล้องกับบริบทชุมชน
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Best, J.W. Research in Education 3rded. Eaglewood Cliff: Prentice Hall. Daniel (1995) WW. Biostatistic: A Foundation for Analysis in Health Science. 6thed. Canada: John Wielay & Sons, 1997.
Bureau of policy and Strategy. Situation diabetes 2006 - 2009. (http: //bps.osp.moph.go.th/ill-out-ket51.xis.). 2012.
Chula Ardwichai. Social Support to Change Behaviors of Non-Insulin Dependent Diabetic Patients at Community Hospital in Mukdahan Province. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2007.
lamom masee. The process of power in high risk groups stroke prevent to health behaviors modifying banlan Ban Phai district, Khon Kaen. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2011
Jiraporn Eimsaad. Behavior Modification of Diabetes Patients by Participation of Village Health Volunteers and Family Members in Wiset Chai Chan District, Ang Thong Province. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2009.
Juraporn Sota. Behavioral Health development strategies. Khon Kaen: Faculty of Public Health, Khon Kaen University, 2003.
Mahasarakham Provincial Public Health Office. Maha Sarakham chronic patients with chronic, 2013. Maha Sarakham: Mahasarakham Provincial Public Health Office, 2014.
Nadun Hospital. Chronic statistics report. Maha Sarakham: Nadun Hospital, 2014.
National Trustworthy and Competent Authority in Epidemiological Surveillance and Investigation (BOE). Annual Epidemiological Survillance Report 2010. Bangkok: Thai Academic eBooks, 2012.
Somjit Prompan. Effect of Self Care Behavior Promotion Program of Type 2 Diabetes Mellitus by Family and Community’s Participation in Rongkham District, Kalasin Province. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2012.
Supriya Tansakul. Behavioral sciences and health dducation in applications models and theories. Edition 2. Bangkok: Printing Battle Rin, 2005.
Wanlaya Thongnoi. The application of the Health Belief Model with social support to improve preventive behavior for cerebrovascular disease among hypertension patients in Tumbon Nonpayom Chonnabot district. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2012.
Wattasak Suksai. Application of Health Belief Model and Social Support for Behavior Modification on Stroke Prevention in Hypertension Patients at Phanomphrai district, Roi Q et province. Mahasarakham: Mahasarakham University, 2012.
William T. American Diabetes Association Standards of Medical care in Diabetes-2012. Diabetes Care Journals. 35: 1, s11-s63, 2012.