การเตรียมและความคงตัวของผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก จากสารสกัดชันของชันโรง

Main Article Content

ภาสกร ประเสริฐรุ่งพาณิช
ชนะวิชญ์ วณิชรัตนพงศ์
บุญดิศย์ วงศ์ศักดิ์
ณัฐธัญ เจริญศรีวิไลวัฒน์

บทคัดย่อ

บทนำ: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อตั้งตำรับผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากจากสารสกัดชันของชันโรงที่ ทราบปริมาณสารสกัดที่แน่นอน และมีความคงตัวที่ดี วิธีดำเนินการวิจัย: ชันของชันโรงถูกสกัดด้วยวิธีการหมักด้วยเอทานอลและกำจัดเอาไขออกด้วยเฮกเซน หาปริมาณสารสำคัญแอลฟ่าแมงโกสติน ด้วยวิธีโครมาโตกราฟี สมรรถนะสูง และฤทธิ์ด้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี diphenylpicryhydrazyl scavenging เตรียมตำรับน้ำยาบ้วนปาก และยาสีฟันที่ใส่สารสกัดชันของชันโรง ศึกษาความคงตัวของตำรับที่อณหภูมิ 30 องศาเซสเซียส ความชื้น สัมพัทธ์ 60% (สภาวะปกดิ) และอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75% เป็นเวลา 6 เดือน ประเมินลักษณะทางกายภาพ ค่าความเป็นกรดด่าง ค่าความหนืด ค่าร้อยละที่ระบุไว้ในฉลาก และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ผลการวิจัย: การเตรียมตำรับนี้ายาบ้วนปากและยาสีฟันพบว่าสามารถใส่สารสกัดได้สูงสุดร้อยละ 0.05 และ 0.5 โดยน้ำหนักตามลำดับ ตำรับที่มีสารสกัดชันของชันโรงจะมีสีเหลือง ค่าความเป็นกรดด่างของน้ำยาบ้วนปากอยู่ ในช่วง 5.87 - 6.15 และลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติอยู่ในช่วง 4.60 - 5.01 เมื่อเก็บไว้นาน 6 เดือน ร้อยละที่ระบุไว้ในฉลากของน้ำยาบ้วนปาก ลดลงจากช่วงร้อยละ 101 - 102.9 เป็นร้อยละ 85.4 - 93.3 เมื่อเก็บไว้ใน สภาวะเร่งเป็นเวลา 6เดือน น้ำยาบ้วนปากแสดงค่าร้อยละการยับยั้งอนุมูลอิสระอยู่ในช่วง ร้อยละ 39 - 79.5 ตำรับยาสีฟันที่เตรียมได้มีความคงตัวที่ดี ค่าความเป็นกรดด่างอยู่ในช่วง 7.62 - 7.93, ค่าความหนืดอยู่ในช่วง 8113-9125เซนติพอยท์,ร้อยละที่ระบุไว้ในฉลากอยู่ในช่วง ร้อยละ 97.2 -103.3 และ ค่า IC50 อยู่ในช่วง 56.32 - 531.13 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เมื่อเก็บไว่ในทั้งสองสภาวะเป็นเวลา 6 เดือน สรุปผลการวิจัย: คณะผู้วิจัยสามารถเตรียม น้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันที่ใส่สารสกัดชันของชันโรงที่ทราบปริมาณสารสกัดได้สำเร็จ ตำรับยาสีฟันมีความคง ตัวที่ดี ส่วนตำรับน้ำยาบ้วนอาจจะปรับปรุงเพิ่มสารบัฟเฟอร์ในตำรับ แนวทางในการศึกษาต่อไปคือการ ตรวจสอบฤทธิ์ด้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปากของน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟัน

Article Details

ประเภทบทความ
เภสัชศาสตร์ (Pharmaceutical Sciences)

เอกสารอ้างอิง

Atikomkulchai S. Propolis: A Gift from Nature. Thai Pharm Health Sci Journal. 2008;3(2):286-95.

Nirmal H.B. BSR, Pawar S.P. In-Situ gel: New trends in Controlled and Sustained Drug Delivery System. Int J PharmTech Res. 2010; 2: 1398-408.

Pothitirat W, Chomnawang MT, Supabphol R, Gritsanapan W. Comparison of bioactive compounds content, free radical scavenging and anti-acne inducing bacteria activities of extracts from the mangosteen fruit rind at two stages of maturity. Fitoterapia. 2009; 80: 442-7.

Rao NGR, Shravani B, Reddy MS. Overview on Buccal Drug Delivery Systems. J Pharm Sci Res. 2013; 5(4): 80 - 8.

Shaikh R, Raj Singh TR, Garland MJ, Woolfson AD, Donnelly RF. Mucoadhesive drug delivery systems. J Pharm Bioallied Sci. 2011; 3(1): 89-100.

Torrungruang K, Vichienroj P, Chutimaworapan S. Antibacterial activity of mangosteen pericarp extract against cariogenic Streptococcus mutans. CU Dent J. 2007; 30: 1-10.

Vongsak B, Kongkiatpaiboon S, Jaisamut S, Machana S, Pattarapanich C. In vitro alpha glucosidase inhibition and free-radical scavenging activity of propolis from Thai stingless bees in mangosteen orchard. Rev BrasFarmacogn. 2015; 25(5): 445-50.

Yoswathana N, Eshtiaghi MN. Optimization of subcritical ethanol extraction for xanthone from mangosteen pericarp. Int JChem Eng Appl. 2015; 6(2): 115-9.