ผลปลอดพิษของสารสกัดดอกอัญชันสีม่วงต่ออวัยวะระบบสืบพันธุ์เพศผู้ของหนูแรท
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: ดอกอัญชันสีม่วงนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบทั้งอาหารและเครื่องดื่มเพื่อเสริมสุขภาพ ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย การแพทย์พื้นบ้านมีความเชื่อว่าอัญชันมีคุณสมบัติ ลดความเครียด ป้องกันแบคทีเรีย และลดการอักเสบได้ นอกจากนี้อัญชันได้รับการพิสูจน์ว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ โดยสามารถป้องกันเซลล์ตับที่ถูกทำลายได้ แต่เนื่องจากยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลของอัญชันต่อระบบสืบพันธุ์ ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ความเป็นพิษของดอกอัญชันต่อ testis, epididymis และจำนวนสเปิร์มในหนูแรทเพศผู้ วิธีการ: นำดอกอัญชันสีม่วงสดมาสกัดด้วยน้ำกลั่น และนำมาทดสอบฤทธิ์ต้านออกซิเดชันด้วยวิธีการ DPPH และ FRAP assays สำหรับการศึกษาความเป็นพิษ หนูแรทเพศผู้ 20 ตัว ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม (5 ตัว/กลุ่ม): 1) กลุ่มควบคุม, 2-4) กลุ่มที่ได้รับสารสกัดดอกอัญชัน (10, 50, 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว ตามลำดับ) หลังจากป้อนสารสกัดเป็นเวลา 28 วัน หนูแรททั้งหมดจะถูกทำให้ตายอย่างสงบ เพื่อเก็บ testis, epididymis และสเปิร์ม เพื่อทำการวิเคราะห์และเปรียบเทียบลักษณะโครงสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ผลการวิจัย: ค่า EC50 ของสารสกัดดอกอัญชันเท่ากับ 85.26 ± 9.12 µg/ml และค่า ค่า EC50 จาก FRAP value เท่ากับ 0.33 ± 0.01 mM ในการประเมินน้ำหนักอวัยวะสืบพันธุ์พบว่า ค่า absolute weight และ relative weight ของ Testis, Epididymis รวมทั้งจำนวนสเปิร์มระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ได้รับสารสกัดดอกอัญชันทุกขนาดไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังไม่พบพยาธิสภาพในระดับ Light microscope ของ Testis และ Epididymis ในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดดอกอัญชันเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม สรุปผล: สารสกัดดอกอัญชันสีม่วงมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระสูง และไม่มีความเป็นพิษต่ออวัยวะของระบบสืบพันธุ์ในหนูแรทเพศผู้ เป็นไปได้ว่าในการศึกษาครั้งต่อไปสารสกัดดอกอัญชันจะถูกนำมาศึกษาเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลการป้องกันการเกิดพยาธิสภาพเกี่ยวกับอัณฑะ
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Kazuma K, Kogawa K, Noda N, et al. Identification ofdelphinidin 3-O-(6”-O-malonyl) -β-glucoside-3’-O-β-glucoside, a postulated intermediate in the biosynthesis of ternatin C5 in the blue petals of Clitoriaternatea (butterfly pea). Chemistry & Biodiversity 2004; 1: 1762–1770.
Kazuma K, Noda N, Suzuki M, Malonylated flavonol glycosides from the petals of Clitoria ternatea. Phytochemistry2003; 62: 229–237.
Kelemu S, Cardona C, Segura G. Antimicrobial and insecticidal protein isolated from seeds of Clitoria ternatea, a tropical forage legume. Plant Physiology and Biochemistry 2004, 4 2, 867–873.
Kriengsak T, Unaro jB, Kevin C, et al. Comparison of ABTS, DPPH, FRAP, and ORAC assays for estimating antioxidant activity from guava fruit extracts. Food Composition and Analysis 2006; 19: 669–675.
Mukherjee PK, Kumar V, Houghton PJ, et al. Screening of Indian medicinal plants for acetylcholinesterase inhibitory activity. Phytother 2007; 21: 1142-1145.
Mukherjee PK, Kumar, V, Kumar NS, et al. The Ayurvedic medicine Clitoriaternatea from traditional use to scientific assessment. Ethnopharmacology2008; 120: 291-301.
Nithianantham K, Shyamala M,Chen Y, et al. Hepatoprotective Potential of Clitoria ternatea Leaf Extract Against Paracetamol Induced Damage in Mice. Molecules 2011; 16: 10134-10145.
Ronald LP, Xianli W, Karen S, et al. Standardized Methods for the Determination of Antioxidant Capacity and Phenolics in Foods and Dietary Supplements. Agricultural and food Chemistry 2005; 53: 4290 -4302.