การพัฒนาสารสกัดดัดแปลงและวิธีวิเคราะห์ไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ลิควิดโครมาโตกราฟี สำหรับการวิเคราะห์หาปริมาณรูทีนในสารสกัดดัดแปลงจากเมล็ดลำไย

บทคัดย่อ

 บทนำ: ลำไยเป็นสมุนไพรที่มีการศึกษาพบว่ามีฤทธิ์แก้ไขภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และความจำในงานวิจัยนี้พบว่าสิ่งสกัดเมล็ดลำไยในชั้นเอทิลอะซิเทตมีฤทธิ์แก้ไขภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และความจำที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดในหนูเมาส์ ด้วยการอุดกั้นหลอดเลือดแดงคอมมอนแคโรติดทั้งสองข้าง วัสดุและวิธีการทดลอง: นำสิ่งสกัดเมล็ดลำไยในชั้นเอทิลอะซิเทตมาแยกสารบริสุทธิ์ด้วยวิธีคอลัมน์โครมาโตกราฟี และนำสารบริสุทธิ์ที่ได้ไปทดสอบฤทธิ์แก้ไขภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และความจำ การศึกษาครั้งนี้ได้พัฒนาวิธีวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคไฮเปอร์ฟอร์แมนลิควิดโครมาโตกราฟี เพื่อหาปริมาณรูทีน ซึ่งใช้เป็นสารบ่งชี้ ในสารสกัดดัดแปลง โดยใช้รีเวอร์เฟสคอลัมน์เป็นวัฏภาคนิ่ง วัฏภาคเคลื่อนที่ใช้ระบบไอโซเครติกใช้สารเฮสเปอริดินเป็นสารมาตรฐานอินเทอร์นอล ผลการศึกษา: เมื่อนำสารบริสุทธิ์ที่แยกมาพิสูจน์เอกลักษณ์ทางกายภาพ และวิธีเสปกโตรสโกปี แยกสารได้ 4ชนิด คือ เคอร์ซิทิน, กาลิค แอซิด, โพรพิว กาเลต และ รูทีน นำสารทั้ง 4ชนิดไปทดสอบฤทธิ์ พบว่ารูทีนเป็นสารที่มีฤทธิ์ดีที่สุดตัวหนึ่ง การศึกษานี้ได้เสนอรูทีนเป็นสารบ่งชี้ในสารสกัดดัดแปลง ในการพัฒนาและประเมินวิธีวิเคราะห์มีการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีตามข้อกำหนดไอซีเอซ ได้ความเป็นเส้นตรงมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.9940 ช่วงความเป็นเส้นตรง 0.31 ถึง 1.54 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ร้อยละของการกลับคืนอยู่ในช่วง 99.30-101.98 และร้อยละของความเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ไม่เกิน 2 ลิมิตการตรวจวัดและลิมิตการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มีค่าเท่ากับ 0.13 และ 0.38ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ สรุปผล: ในการศึกษาครั้งนี้ได้พัฒนาวิธีการเตรียมสารสกัด เพื่อกำจัดสารที่ไม่คงตัวออกจากสารสกัด ทำให้ได้สารสกัดดัดแปลงของเมล็ดลำไยที่คงตัว เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาทางเคมีและพรีคลินิกต่อไป ในการพัฒนาและประเมินวิธีการวิเคราะห์ พบว่าวิธีวิเคราะห์ดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธี ตามข้อกำหนดไอซีเอซ