การสำรวจการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยาในเภสัชกรและนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ : การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยามีความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยของเภสัชกร การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยาในเภสัชกรและนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์ วัสดุและวิธีการทดลอง: ส่งแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างเภสัชกรที่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐทั้ง 76 จังหวัด จำนวน 760 ฉบับและส่งแบบสอบถามไปยังนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ถึงปี 6 ทั้ง 12 สถาบัน จำนวน 365 ฉบับ ผลการศึกษา: กลุ่มเภสัชกรมีอัตราการตอบกลับร้อยละ 36.3 อายุเฉลี่ยเท่ากับ 32.8 ปี ประสบการณ์จากการทำงานเฉลี่ย 9.0 ปี ลักษณะงานที่ปฏิบัติส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับงานให้บริการผู้ป่วยนอกร้อยละ 42.8 กลุ่มนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์มีอัตราการตอบกลับร้อยละ 66.9 อายุเฉลี่ยเท่ากับ 22.9 ปี ทั้งกลุ่มเภสัชกรและนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์มีความรู้และทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยา และพบว่าระดับคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยาของเภสัชกรเท่ากับ 4.1 ± 1.2 คะแนน ส่วนกลุ่มนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์พบว่าระดับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.1 ± 0.9 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ในนิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 6 จะมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าชั้นปีที่ 4 และ 5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.01) ในด้านอุปสรรคในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยา กลุ่มเภสัชกรส่วนใหญ่มีอุปสรรคในด้านการเข้าถึงฐานข้อมูลที่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงร้อยละ 60.5 ส่วนนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์อุปสรรคที่พบคืองานวิจัยส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ต้องใช้เวลาในการอ่านร้อยละ 55.7 สรุปผล: การสำรวจครั้งนี้พบว่าเภสัชกรและนิสิต/นักศึกษาเภสัชศาสตร์มีความรู้เกี่ยวกับการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยาในระดับที่ดี แต่ในด้านการนำไปใช้พบว่ามีความถี่น้อย จึงควรส่งเสริมให้มีการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรักษาด้วยยาให้มากขึ้น
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Boonluksiri P. “Attitude towards evidence-based medicine of medical students at the Medical Education Center, Hatyai Regional Hospital,” Songkla Med J. 23(5): 321-325; Sept.-Oct., 2548.
Field MJ, Lohr KN. Guideline for clinical practice. Institute of medicine, Washington, D.C., National Academy Press 1992; 41: 348-58.
McColl, Alastair and others. “General practitioners’ perceptions of the route to evidence based medicine: a questionnaire survey,” British Medical Journal. 316(7128): 361-367; 31 January, 1998.
Sahapong S. and others. “Information Use Behavior of Clinicians in Evidence-Based Medicine Process in Thailand,” J Med Assoc Thai. 92(3): 435-441; March, 2009.
Yamane T. Statistics. An Introductory Analysis 2nd Ed New York: Harper and Row 1967: 258.