กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยเบาหวานแบบรายบุคคล

Main Article Content

ชนิษฎา สุรเดชาวุธ
เยาวลักษณ์ อํ่ารำไพ
เจริญ ตรีศักดิ์

บทคัดย่อ

บทนำ: การศึกษากระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจที่ผ่านมาไม่ได้อธิบายพฤติกรรมหรือกระบวนการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในแต่ละขั้นของการเกิดพลังอำนาจอย่างชัดเจนจึงยากต่อการนำไปปฏิบัติจริง งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นและกระบวนการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในแต่ละขั้นระหว่างการนำแนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจมาใช้ วิธีดำเนินการวิจัย: เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) โดยใช้แนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยเบาหวานแบบรายบุคคลที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นตามแนวคิดของกิบสัน ระยะเวลาเก็บข้อมูล 3 เดือน (ธันวาคม พ.ศ. 2553 ถึงกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554) กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานที่รับการรักษาต่อเนื่องที่คลินิกเบาหวานโรงพยาบาลหนองแซง ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ (ฮีโมโกลบินเอวันซีมากกว่า 6.5%) คัดเลือกตัวอย่างแบบเจาะจงตามเกณฑ์ที่กำหนด 10 ราย เก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการและการสังเกตแบบมีส่วนร่วมรายบุคคลที่บ้านหรือที่ทำงานของผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษา: พบว่ากระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อภาวะสุขภาพที่ดีขึ้น (n = 3) เหมือนกับกระบวนการที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่ไม่พร้อม (n = 7) แต่จะข้ามไปสู่ขั้นต่อไปได้เร็ว โดยรวมพบว่าเกิดขั้นและกระบวนการตามแนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจครบแม้ว่าในผู้ป่วยแต่ละรายจะไม่พบทุกขั้นหรือทุกกระบวนการก็ตาม คือ 1) ขั้นการค้นพบสถานการณ์จริง มีกระบวนการการรับรู้ปัญหา การแสวงหาข้อมูล และการตระหนักและยอมรับถึงปัญหาที่เกิดขึ้น 2) ขั้นการสะท้อนคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบกระบวนการค้นหาทางเลือกที่จะปฏิบัติ การเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมา และการประเมินผลการปฏิบัติที่เคยกระทำมา 3) ขั้นตัดสินใจเลือกวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม มีกระบวนการกำหนดเป้าหมายของตนเอง และการระบุแนวทางที่จะปฏิบัติ และ 4) ขั้นการคงไว้ซึ่งการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ มีกระบวนการการสร้างแรงจูงใจของตนให้คงอยู่ สรุปผล: มีขั้นและกระบวนการตามแนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจเกิดขึ้นครบทุกขั้นและกระบวนการ แม้จะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย เมื่อสามารถสนับสนุนให้ผู้ป่วยตระหนักและยอมรับปัญหาได้ ผู้ป่วยจะเกิดกระบวนการเรียนรู้และมีความมั่นใจในการแก้ปัญหาสุขภาพด้วยตนเอง

Article Details

ประเภทบทความ
Research Articles

เอกสารอ้างอิง

Aujoulat I, D’Hoore W, and Deccache A. Review Patient Empowerment in theory and Practice: Polysemy or cacophony. Patient Education and Counseling 2006; 66:13-21.

Boonyuen N. The Effect of Empowerment Process on Self-Care Behaviors and Levels of HemoglobinA1C in Elderly Diabetic [Master of Nursing Science thesis]. Phitsanulok: Naresuan University; 2006.

Bureau of Epidemiology, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. Annual Epidermiological

surveillance Report 2008 [Online]. 2008 [cited 2011 May 15]. Available from: http://203.157.15.4/Annual/Annual%202551/Part1_51/Annual_MenuPart1_51.html

Funnell MM, Anderson RM. Empowerment and Self-Management of Diabetes. Clinical Diabetes 2004; 22(3): 123-127.

Gibson CH. The Process of Empowerment in mothers of chronically ill children. Journal of Advanced Nursing 1995; 21: 1201-1210.

Koyun S. Effects of Empowerment in Patients with Diabetes Melitus Type 2 and Their Families on Their Perception of Control in Illness Management [Master of Nursing Science thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2007.

Mahawarakorn S. The Effectiveness of The Empowerment to Control Blood Sugar on Personal Self-Care with Diabetes Melitus Type 2, and Complication Patients, Udornthani Hospital, Udornthani Proviance [Master of Public Health thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2008.

Praikheaw S. Effects of Empowerment Program at Home on Self-Esteem and Self-Efficacy in Diabetes Melitus Type 2 Aging patients and their Families [Master of Nursing Science thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2009.

Siri T. Empowerment Program with Goal Setting for Type 2 Diabetes Patients’ Self-care Behaviors at Somdejprajoatksinmaharaj Hospital, Tak province [Master of Public Health thesis]. Nakonpathum: Mahidol University; 2008.

Teerapakorn S. Relationship between Fasting Plasma Glucose and HemoglobinA1c in Type 2 Diabetes Mellitus Patients Attending Ladlumkaew Hospital. Journal of Health Systems Research 2008; 2(1): 809-815.