ตำรับยาเจลไอโซเตรทติไนอิน และคลินดามัยซิน เพื่อใช้รักษาสิว: การตั้งตำรับและการประเมินความคงสภาพ

Main Article Content

วิจิตรา มะลาด
เดชพล ปรีชากุล

บทคัดย่อ

บทนำ : การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาตำรับเจลทารักษาสิวโดยใช้ตัวยาสำคัญ 2 ชนิดร่วมกัน คือ clindamycin phosphate ความเข้มข้น 1% w/w และ isotretinoin ความเข้มข้น 0.05 % w/w วัสดุและวิธีกรทดลอง: ในขั้นตอนการศึกษาก่อนการตั้งตำรับยา ได้เลือกสารช่วยต่างๆ ในการเตรียมเจลพื้นจำนวน 18 ตำรับ สารช่วยต่างๆ ได้แก่ gelling agent, preservative, antioxidant, chelating agent ที่ได้ทำการทดสอบความคงสภาพในสภาวะเร่งระยะสั้นเพื่อใช้ในการเลือกสาร พบว่ามี 3 สูตร ที่เหมาะสมที่นำมาศึกษาความคงสภาพในระยาว เพื่อทดสอบความคงสภาพทางกายภาพ เคมี จุลชีววิทยา รวมทั้งการปลดปล่อยยา โดยใช้ Franz’s diffusion cell และความสามารถในการยับยั้งเชื้อ Propionibacterium acne เปรียบเทียบกับตำรับยาที่มีใช้ในท้องตลาด ผลกรศึกษ: จากการศึกษาก่อนการตั้งตำรับยา พบว่าตำรับที่เตรียมโดยใช้สารก่อเจล carbopol 940, hydroxypropyl methylcellulose and methylcellulose มีลักษณะทางกายภาพที่ดี ปริมาณตัวยาสำคัญคงเหลือไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อทดสอบภายใต้สภาวะเร่งที่ 45oC และ การทดสอบ hot and cold temperature cycling เป็นเวลา 1 เดือน เมื่อนำมาศึกษาความสภาพระยะที่ 4+1oC, 45+1oC ที่อุณหภูมิห้อง และภายใต้แสง 3 เดือน พบว่าทั้ง 3 ตำรับ มีความคงสภาพดีทางกายภาพและเคมี โดยปริมาณตัวยาสำคัญคงเหลืออยู่ในช่วงร้อยละ 98-102 อัตราการปลดปล่อยยา clindamycin phosphate อยู่ในช่วงร้อยละ 73-75 และการปลดปล่อยของ isotrtinoin ประมาณร้อยละ 95 ที่เวลา 12 ชั่วโมง ใกล้เคียงกับยาที่มีจำหน่ายในท้องตลาด (Ref I® and Ref C®) และพบว่าเป็นไปตาม zero-ordered และ Higuchi release kinetics ผลการหาค่า MIC ของ สารละลาย clindamycin phosphate (1% w/w) และ isotretinoin (0.05% w/w) ด้วยวิธี broth dilution พบว่ายับยั้งการเติบโตของเชื้อ Propionibacterium acne ในความเข้มข้น 31.25 μg/ml และ 625 μg/ml ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าสารละลายของตัวยาสำคัญแต่ละตัวชนิดเดียวในความเข้มข้นเท่ากัน ผลของ zone of Inhibition ต่อ P. acne พบว่า 3 ตำรับมีค่าเทียบเท่ากับตำรับที่มีตัวยาสำคัญเป็น Ref C® แต่มีขนาดการยับยั้งเชื้อดีกว่า Ref I® สรุปผล: ตำรับยาที่พัฒนาขึ้นให้การปลดปล่อยยาที่ดี มีความคงตัวดีภายใต้สภาวะเร่ง เมื่อเทียบกับตำรับยาที่มีจำหน่ายในท้องตลาด และมีความสามารถในการยับยั้งเชื้อดีกว่า 


 

Article Details

ประเภทบทความ
Research Articles

เอกสารอ้างอิง

Cambazard F. Clinical efficacy of Velac®, a new tretinoin and clindamycin phosphate gel in acne vulgaris. J Eur Acad Dermato Venereo 1998; 11 (Suppl): S20-S27.

Gollnick H, Schramm M. Topical therapy in acne. J Eur Acad Dermato Venereo 1998; 11(supp 1): 8-12.

Hermes B, Praetel C, Henz BM. Medium dose isotretinoin for the treatment of acne. J Eur Acad Dermato Venereo 1998, 11(2): 117-121.

Khairuzzaman A, Ahmed SU, Savva M, Patel NK. Zero-order release of aspirin, theophylline and atenolol in water from novel methylcellulose glutarate matrix tablets. Int J Pharm. 2006, 318(1-2): 15-21.

Khunkitti W, Aromdee C, Taweechaisupapong S, Lertsa-titthanakorn P. In vitro bioactivities of essential oils used for acne control. Int J Aromather 2006, 16: 43-49.

Layton AM, Cunliff WJ. Guidelines for optimal use of isotretinoin in acne. J Am Acad Dermato 1992, 27(6): S2-S7.

Rakwathin J. Approach for light stability testing of drugs. Bangkok, Niyomvittaya 1997.

Wang F, Saidel GM, Gao J. A mechanistic model of controlled drug release from polymer millirods: Effects of excipients and complex binding, J Control Release 2007, 119(1): 111-120.

Webster GF. Topical tretinoin in acne therapy. J Am Acad Dermatol 1998, 39: S38-44.

West DP and Lee E. Acne Vulgaris. Pharmacotherapy 6th Ed. London: The Pharmaceutical Press. 2005: 1757.White GM. Acne Therapy. Adv Dermatol 1999; 14:29-58.