การพัฒนาครีมนวดเท้าจากนํ้ามันขิงเพื่อบรรเทาอาการชาและปวดที่เท้าในผู้ป่วยโรคเส้นประสาทจากเบาหวาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: ผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมากมีอาการปวด ชา หรือไม่มีความรู้สึกที่เท้า โดยอาการเหล่านี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่าโรคเส้นประสาทจากเบาหวาน มีรายงานว่าน้ำมันหอมระเหยจากเหง้าขิงมีฤทธิ์ระงับอาการปวดของระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ และการนวดเท้าสามารถเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นระบบประสาทส่วนปลายได้ วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาตำรับครีมนวดเท้าจากน้ำมันขิงเพื่อบรรเทาอาการชาและปวดที่เท้าในผู้ป่วยโรคเส้นประสาทจากเบาหวาน วิธีการศึกษา: ทำการพัฒนาครีมน้ำมันขิง 1 % w/w จำนวน 4 สูตรตำรับโดยใช้ Cremophor RH 40® เป็นสารก่ออีมัลชัน และคัดเลือกครีมน้ำมันขิงเพียงตำรับเดียวที่มีความคงตัวทางกายภาพสูงสุดและไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังในอาสาสมัคร จากนั้นนำตำรับดังกล่าวมาศึกษาประสิทธิภาพทางคลินิกในการบรรเทาอาการชาและปวดที่เท้าในผู้ป่วยโรคเส้นประสาทจากเบาหวาน โดยแบ่งผู้ป่วย 36 คนเป็นกลุ่มใช้ครีมพื้นและกลุ่มใช้ครีมน้ำมันขิง ทำการวัดอาการชาด้วย Monofilament และอาการปวดที่เท้าผู้ป่วยก่อนใช้ครีมและภายหลังจากที่ผู้ป่วยใช้ครีมนวดเท้าวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 1 เดือน ผลการศึกษา: ภายหลังการใช้ครีมนวดเท้านาน 1 เดือน พบว่าอาการชาเท้าในกลุ่มใช้ครีมพื้นและกลุ่มใช้ครีมน้ำมันขิงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) เมื่อพิจารณาอาการปวดเท้าซึ่งประเมินโดยใช้ Visual analog scales ในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ครีมน้ำมันขิงมีอาการดีขึ้นคิดเป็น 34.48 % ในขณะที่กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ครีมพื้นมีอาการดีขึ้นคิดเป็น 20.69 % เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการชาและปวดที่เท้าระหว่างกลุ่มใช้ครีมพื้นและกลุ่มใช้ครีมน้ำมันขิง พบว่าครีมน้ำมันขิงมีประสิทธิภาพดีกว่าครีมพื้นแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p > 0.05) สรุปผล: ตำรับครีมนวดเท้าจากน้ำมันขิงสามารถบรรเทาอาการชาและปวดที่เท้าในผู้ป่วยโรคเส้นประสาทจากเบาหวานได้ ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพของครีมน้ำมันขิงและครีมพื้นได้อย่างชัดเจนและสามารถนำตำรับครีมน้ำมันขิงไปพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Feng Y, Schlösser FJ, Sumpio BE. The Semmes Weinstein monofilament examination as a screening tool for diabetic peripheral neuropathy. J Vasc Surg 2009; 50 (3): 675-682.e1.
Hongratanaworakit T. Essential oils and aromatherapy uses. 1st ed. Bangkok: Witoon Kanpok; 2007.
Kulkantrakorn K. Diabetic neuropathy. Clinic 2008; 24(7): 611-618.
Leelapornpisit P. Cosmetic emulsions. 1st ed. Bangkok: Odeanstore; 1997.
Lertsatitthanakorn P, Taweechaisupapong S, AromdeeC, Khunkitti W. In vitro bioactivities of essential oils used for acne control. Int J Aroma 2006;16: 43-49.
Perkins BA, Bril V. Diabetic neuropathy: a review emphasizing diagnostic methods. Clin Neurophysiol 2003; 114: 1167–1175.
Rehman R, Akram M, Akhtar N, et al. Zingiber officinale Roscoe (pharmacological activity). J Med Plant Res 2011; 5(3): 344-348.
Suranna R, Phimarn W, Ploylearmsang C. Monitoringknoeledge, health-behavior and clinical outcomes of population with risk factors for type 2 diabetes. Isan J Pharm Sci 2009 Jan-Apr; 5(1): 54-62.
Werz O, Steinhilber D. Development of 5-lipoxygenaseinhibitors-lessons from cellular enzyme regulation. Biochem Pharmacol 2005; 70: 327–333.
Yip YB, Tam ACY. An experimental study on the effectiveness of massage with aromatic ginger and orange essential oil for moderate-to-severe knee pain among the elderly in Hong Kong. Complement Ther Med 2008; 16(3): 131-138.