การเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าโดยการบริบาลทางเภสัชกรรม ร่วมกับการใช้สื่อมัลติมีเดีย
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการให้บริบาลทางเภสัชกรรมร่วมกับการให้ผู้ป่วยรับชมสื่อมัลติมีเดียเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า วิธีดำเนินการวิจัย: ใช้รูปแบบงานวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มเปรียบเทียบโดยมีผู้ป่วยนอกโรคซึมเศร้าเข้าร่วมการศึกษา 68 ราย เป็นกลุ่มทดลอง 33 ราย ได้รับชมสื่อมัลติมีเดียซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสาเหตุของโรคซึมเศร้า หลักการรักษา และวิธีจัดการกับอาการข้างเคียงเบื้องต้น ร่วมกับการบริบาลทางเภสัชกรรม และกลุ่มควบคุม 35 ราย ได้รับบริการปกติ ผลการศึกษา: ผู้เข้าร่วมการศึกษามีลักษณะทั่วไปไม่แตกต่างกัน (p>0.05) ยกเว้นการดื่มสุราและการออกกำลังกายแต่ทั้งสองปัจจัยไม่มีผลต่อความร่วมมือในการใช้ยา ก่อนการศึกษามีคะแนนความร่วมมือการใช้ยา ปัญหาจากการใช้ยา (ผลข้างเคียงจากยา และอันตรกิริยาระหว่างยา) คะแนนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการใช้ยาไม่แตกต่างกัน (p>0.05) หลังติดตามในอีก1 เดือน พบว่าคะแนนความร่วมมือในการใช้ยาในกลุ่มทดลองดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (0.9±1.40, 2.2±1.71 คะแนน, p<0.001) ส่วนอาการข้างเคียงพบในกลุ่มทดลองน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ร้อยละ 21.2 และร้อยละ 48.6 ตามลำดับ, p=0.023) ด้านอันตรกิริยาระหว่างยาพบคู่อันตรกิริยาระหว่างยาระหว่างกลุ่มไม่แตกต่างกัน (p=0.230) คะแนนความรู้ในกลุ่มทดลองมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (9.2±2.18, 7.7±2.30 คะแนน, p=0.007) ส่วนคะแนน9Qในกลุ่มทดลอง มีคะแนนลดลงจาก 4.2±7.26 เป็น 1.7±4.21 คะแนนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.033) และผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีความพึงพอใจต่อสื่อมัลติมีเดียระดับมาก (ร้อยละ 89.1) สรุปผลการวิจัย: การศึกษานี้สนับสนุนว่าการใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยได้
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Adler DA, Bungay KM, Wilson IB, et al. The impact of a pharmacist intervention on 6-monthout-comes in depressed primary care patients. Gen Hosp Psychiatry. 2004; 26(3): 199–209.
Akiskal HS. Dysthymia cyclothymia and related chronic sub-threshold mood disorders. New Oxford Textbook of Psychiatry. London: Oxford University Press; 2000: 736-49.
Brook OH, Hout H, Stalman W, et al. A pharmacy-based coaching program to improve adherence to antidepressant treatment among primary care patients. Psychiatr Serv. 2005; 56(4): 487–89.
Brown C, Battista DR, Sereika SM, Bruehlman RD, Burke BL, Arkowitz H, MencholaM. The efficacy of motivational interviewing: a meta- analysis of controlled clinical trials. J Consult Clin Psychol. 2003; 71: 843-61.
Capoccia KL, Boudreau DM, Blough DK, et al. Randomized trial of pharmacist interventions to improve depression care and outcomes in primary care. Am J Health-Syst Pharm. 2004; 1(4): 364-72.
Finley PR. Impact of a collaborative pharmacy practice model on the treatment of Depression in Primary care. Pharmacotherapy 2003; 23: 1175-85.
Gabriel A, Violato C.Knowledge of and attitudes towards depression and adherence to treatment: The antidepressant adherence scale (AAS). Journal of affective disorders. 2010; 126: 388–94.
Lin EH, Von KM, Katon W.The role of the primary care physician in patients’ adherence to antidepressant therapy. Med Care. 1995; 33: 67–74.
Rebetez C, Betrancourt M, Sangin M, Dillenbourg P.Learning from animation enabled by collaboration.
Instructional Science 2009; 5(38): 471-85.
Ruiz J, Cook D, Levinson A.Computer animations in medical education: a critically treasure review. Medical education 2009; 43: 838-46.
Sajatovic M. Psycho educational approaches to medication adherence in patient with bipolar disorder. DisManag Health 2007; 15: 181-92.
Seedat S, Haskis A, Stein J. Benefits of consumer psycho education: a pilot program in south Africa. University of Stellenbosch, South Africa. 2008; 38(1): 31.
Simon GE, Ludman EJ, Operskalski BH. Randomized trial of a telephone care management program for outpatients starting antidepressant treatment. Psychiatric services 2006; 57(10): 1441- 45.
Sirey JA, Bruce ML, Kales HC. Improving Antidepressant adherence and depression out comes in primary care: The treatment initiation and participation program. Am J Geriatr Psychiatry. 2010; 18(6): 554-62.
World Health Organization. Adherence to long-term therapies. Evidence for action. WHO Library Cataloguin-in-Publication Data. Switzerland. 2003.
Zhou X., Qin B., Del Giovane C., Pan J., Gentile S., Liu Y. et al. Efficacy and tolerability of antidepressants in the treatment of adolescents and young adults with depression and substance use disorders: a systematic review and meta-analysis. Society for the Study of Addiction. 2015; 110: 38–48.
