แนวโน้มการจัดซื้อยา กลุ่ม Statins และยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบ Renin Angiotensin กรณีศึกษาโรงพยาบาลรัฐ 14 แห่ง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: ค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 32 ของรายจ่ายด้านสุขภาพทั้งหมดในปี 2542 เพิ่มเป็นร้อยละ 46 ในปี 2551 การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามแนวโน้มการจัดซื้อยาของโรงพยาบาลรัฐในด้านราคายา ปริมาณการจัดซื้อยา และมูลค่ายา จำแนกตามสถานะทางการตลาด สำหรับยากลุ่ม statins และ ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบ renin angiotensin วิธีการดำเนินการวิจัย: เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา ใช้ข้อมูลการจัดซื้อยาย้อนหลังในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2556 ของโรงพยาบาลรัฐที่ให้ความร่วมมือซึ่งครอบคลุมโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ รวม 14 แห่ง จำแนกรายการยาที่ศึกษา ตามชื่อยา ขนาดความแรง ประเภทยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติ และสถานะทางการตลาดโดยเปรียบเทียบข้อมูลกับปีงบประมาณ 2553 ผลการวิจัย: รายการยากลุ่ม statins ที่มีมูลค่าการจัดซื้อสูงสุดคือ rosuvastatin 10 mg ซึ่งเป็นยาที่มีผู้จำหน่ายรายเดียว ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบrenin angiotensin ที่มีมูลค่าการจัดซื้อสูงสุด คือ losartan 50 mg ซึ่งเป็นยาสามัญที่ผลิตในประเทศเมื่อพิจารณาตามสถานะทางการตลาด ในด้านราคาพบว่ายาส่วนใหญ่มีราคาใกล้เคียงเดิมหรือลดลงเล็กน้อย ยาต้นแบบมีการลดลงของราคามากกว่ายากลุ่มอื่นในด้านปริมาณการจัดซื้อพบว่ายาชื่อสามัญที่ผลิตในประเทศและยาชื่อสามัญที่นำเข้ามีปริมาณการจัดซื้อยาเพิ่มขึ้นส่วนยาต้นแบบและยาที่มีผู้จำหน่ายรายเดียวมีปริมาณการจัดซื้อยาลดลง ซึ่งมีผลให้สัดส่วนมูลค่าการจัดซื้อยาที่มีผู้จำหน่ายรายเดียวและยาต้นแบบลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวในยาเดี่ยวกลุ่ม statins และangiotensin receptor blockers ยังสูงโดยเท่ากับร้อยละ 55และ 64 ตามลำดับ สรุปผลการวิจัย: ควรมีมาตรการเพื่อช่วยให้ควบคุมมูลค่าการจัดซื้อยาต้นแบบชื่อการค้าที่มีผู้จำหน่ายหลายรายและยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติร่วมกับการติดตามแนวโน้มการจัดซื้อยาสำหรับกลุ่มยาที่ทำการศึกษาโดยควรมีข้อมูลระดับประเทศ
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Addis A, Magrini N. New approaches to analyzing prescription data and to transfer pharmacoepidemiological and evidence-based reports to prescribers. Pharmacoepidemiol Drug Saf 2002; 11: 721–6.
Berndt ER. Pharmaceuticals in U.S. health care: determinants of quantity and prices. J Econ Perspect 2002; 16: 45–66.
Dubois RW, Chawla AJ, Neslusan CA, et al. Explaining drug spending trends: does perception match reality Health Aff 2000; 19: 231–9.
Health Insurance System Research Office and Health System Research Institute. Prescription data analysis of 34 pilot hospitals during the fiscal year 2009 and 2011. July 2011 [cite 2014 Feb 14]Available from: URL: http://hdl.handle.net/11228/3417
Morgan SG. Quantifying components of drug expenditure inflation: the British Columbia seniors’ drug benefit plan. Health Serv Res 2002; 37: 1243–66.
Wibulpolprasert S et al. Public Health System in Thailand 2005-2007 [on line]. 2005 [cite 2014 Feb 14] Available from: URL: http://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/ThaiHealth2005-2007/report2005-6-4.pdf