ช่องว่างระหว่างหญิงข้ามเพศและเภสัชกรชุมชนต่อการใช้ยาฮอร์โมนเพื่อความเป็นหญิง: งานวิจัยเชิงคุณภาพ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาช่องว่างระหว่างหญิงข้ามเพศและเภสัชกรชุมชนต่อการใช้ยาฮอร์โมนเพื่อความเป็นหญิง วิธีดำเนินการวิจัย: การศึกษานี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีผู้ให้ข้อมูลสำคัญคือหญิงข้ามเพศจำนวน 21 คนและเภสัชกรชุมชนจำนวน 23 คนที่อาศัยในทุกภูมิภาคของประเทศไทย การคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลใช้วิธีแบบเจาะจงร่วมกับการใช้เทคนิคบอกต่อ เก็บข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์เชิงลึกตามแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง โดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม พ.ศ. 2566 และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย: หญิงข้ามเพศ 21 คน มีอายุเฉลี่ย 29.8 ± 8.1 ปี ทั้งหมดมีความรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจากยาฮอร์โมน รวมทั้งมีทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ยาฮอร์โมนว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ตัวเองมีความเป็นหญิงมากขึ้น หญิงข้ามเพศส่วนใหญ่ซื้อยาฮอร์โมนจากร้านยาแต่ศึกษาวิธีการใช้ยาจากกลุ่มหญิงข้ามเพศและสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาไม่ถูกต้อง หญิงข้ามเพศส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับคำแนะนำการใช้ยาจากเภสัชกรชุมชนและต้องการให้เภสัชกรแนะนำการใช้ยามากขึ้น ในส่วนของเภสัชกรชุมชนทั้ง 23 คน มีอายุเฉลี่ย 35.2 ± 9.1 ปี ทั้งหมดมีความรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจากยาฮอร์โมน แต่มีเพียงบางส่วนที่ทราบว่ายาคุมกำเนิดเป็นยาที่ไม่เหมาะสมในการข้ามเพศ เภสัชกรส่วนใหญ่ไม่เคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศมาก่อน รวมทั้งรับรู้ว่าหญิงข้ามเพศต้องการความรวดเร็วในการเข้ารับบริการที่ร้านยาซึ่งการซักประวัติที่มากเกินไปอาจสร้างความไม่สบายใจได้ ทำให้เภสัชกรชุมชนบางส่วนซักประวัติไม่ครบถ้วนและจ่ายยาฮอร์โมนที่ไม่เหมาะสมต่อหญิงข้ามเพศ สรุป: แม้ว่าหญิงข้ามเพศส่วนใหญ่จะศึกษาวิธีการใช้ยาฮอร์โมนด้วยตนเอง แต่ก็ยังคงต้องการคำแนะนำการใช้ยาจากเภสัชกรชุมชน ขณะที่เภสัชกรชุมชนมีความกังวลว่าการซักประวัติที่มากเกินไปอาจทำให้หญิงข้ามเพศเกิดความไม่สบายใจได้ ดังนั้น เภสัชกรชุมชนควรมีการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะในการให้บริการสุขภาพของหญิงข้ามเพศมากขึ้น