การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการฝึกปฏิบัติงานบริการสารสนเทศทางยา แบบออนไลน์กับฝึกในสถานที่จริง ของนิสิตเภสัชศาสตร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการฝึกปฏิบัติงานบริการสารสนเทศทางยาแบบออนไลน์กับในสถานที่จริงของนิสิตเภสัชศาสตร์ วิธีดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นิสิตชั้นปีที่ 6 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยาที่เข้ารับการฝึกปฏิบัติงานบริการสารสนเทศทางยาวิชาในสถานที่จริง ปีการศึกษา 2562 จำนวน 76 คน และฝึกปฏิบัติงานแบบออนไลน์ ปีการศึกษา 2563 จำนวน 64 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกรูปแบบการฝึกปฏิบัติงาน คะแนนรวมการฝึกปฏิบัติงาน และจำนวนกิจกรรมในการฝึกปฏิบัติงาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) การทดสอบค่าที (t-test for independent) ผลการวิจัย คะแนนรวมเฉลี่ยของนิสิตที่ฝึกปฏิบัติงานออนไลน์ มีคะแนนสูงมากกว่ากลุ่มที่ฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (63.76+4.92 และ 59.45+7.78 ตามลำดับ (คะแนนเต็ม 70 คะแนน) p<0.01) คะแนนทักษะและความสามารถของนิสิตที่ฝึกปฏิบัติงานออนไลน์มีคะแนนสูงมากกว่ากลุ่มที่ฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (36.68+3.05 และ 33.95+4.9 ตามลำดับ (คะแนนเต็ม 40 คะแนน) p<0.01) โดยการฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริงสามารถจัดให้นิสิตทุกคนฝึกได้ครบทุกกิจกรรม ยกเว้น 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมประเมินการใช้ยา และกิจกรรมป้องกัน/แก้ไข และรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ส่วนการฝึกปฏิบัติงานออนไลน์มีเพียงกิจกรรมเดียวที่จัดให้นิสิตทุกคนได้ฝึก คือ การตอบคำถามหรือให้ข้อมูลทางยา สรุปผล การฝึกปฏิบัติงานบริการสารสนเทศทางยาโดยการฝึกปฏิบัติงานออนไลน์มีผลคะแนนรวมและคะแนนทักษะการฝึกปฏิบัติงานสูงกว่าการฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริง แต่อย่างไรก็ตามนิสิตที่ฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริงได้ทำกิจกรรมครบตามเกณฑ์มากกว่านิสิตที่ฝึกปฏิบัติงานออนไลน์ ซึ่งอาจจะเกิดจากข้อจำกัดเรื่องกรณีศึกษาผู้ป่วยและข้อมูลการสั่งใช้ยา ดังนั้นหากต้องมีการจัดการฝึกปฏิบัติงานสารสนเทศทางยาแบบออนไลน์ จำเป็นต้องหากรณีศึกษาผู้ป่วยและข้อมูลการสั่งใช้ยา เพื่อให้นิสิตได้ฝึกปฏิบัติงานครบทุกกิจกรรมตามเกณฑ์ที่กำหนด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Artsub S, Kunkum S, Sitipoomongkol A. Effectiveness of Moodle E-learning for Kinesiology Students (SPSS 217 Sports Information and Illustration). Journal of professional routine to research. 2015;2:81-9.
Banlue S. The suitable model of online learning and teaching for Ubon Ratchathani Rajabhat University. Journal of Roi Et Rajabhat University.2017;11(2):250-60.
Cushnie B, Sakulsuttiwat J, Samaipanit N, Jaruchotikamol A, Pulbutr P. Effectiveness of computer-assisted instruction (CAI) in pharmacology of antipeptic ulcer drugs. Thai Science and Technology Journal 2018;26(6):1029-40.
Duangchan P, Wirasathien L. Effectiveness of e-learning using ATutor in pharmacognosy I and pharmacognosy laboratory I. Thai Pharm Health Sci J 2013;8(1):24-35.
Lalognum N. A development of training package on media online teaching application by hands-on training(hot) model for students teacher of education faculty of Burapa University. 2015[cited 2021 Apr 23]. Available from: http://webopac.lib.buu.ac.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00250331.
Lean QY, Ming LC, Wong YY, Neoh CF. Validation of online learning in pharmacy education. Pharmacy Education 2018;18(1):135-42.