ผลของกระบวนการติดตามความสอดคล้องต่อเนื่องทางยาร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่อความคลาดเคลื่อนทางยา โรงพยาบาลภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ

Main Article Content

อัญชิสา แหลมคม
พีรยา สมสะอาด
สกุลรัตน์ รัตนาเกียรติ

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงทดลองแบบสุ่มชนิดมีกลุ่มควบคุม มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดผลของการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน กระบวนการติดตามความสอดคล้องต่อเนื่องทางยาต่อความคลาดเคลื่อนทางยา โดยกลุ่มศึกษาจะมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน กระบวนการติดตามความสอดคล้องต่อเนื่องทางยาอย่างเป็นระบบชัดเจนโดยเภสัชกร เปรียบเทียบกับความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มควบคุมที่ให้บริการตามปกติ (ไม่มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกระบวนการติดตามความสอดคล้องต่อเนื่องทางยาอย่างเป็นระบบชัดเจน) ตั้งแต่ขั้นตอนแรกรับ จนถึงขั้นตอนจำหน่าย ในผู้ป่วยที่มารับการรักษา ณ หอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลภูเขียว จังหวัด ชัยภูมิตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน2554 ผู้ป่วยที่เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 506 ราย (กลุ่มศึกษา 254 ราย และ กลุ่มควบคุม 252 ราย) ผลการศึกษาพบว่า มีการใช้ยาทั้งหมด 5,871 รายการ พบความคลาดเคลื่อนทางยาทั้งหมด 134 รายการ (ร้อยละ 2.3) โดยในกลุ่มศึกษาพบความคลาดเคลื่อนของรายการยา 17 รายการ จาก 2,791 รายการ (ร้อยละ 0.6) ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มควบคุมที่พบ ความคลาดเคลื่อนทางยาจำนวน 117รายการจาก 3,080 รายการ(ร้อยละ3.8) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) ประเภท ของความคลาดเคลื่อนทางยาที่พบมากที่สุด คือ ไม่มีการสั่งใช้ยา คิดเป็นร้อยละ 2.0 โดยพบในกลุ่มศึกษา (ร้อยละ 0.4) ซึ่งน้อยกว่ากลุ่ม ควบคุม (ร้อยละ 3.4) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001) ไม่พบความคลาดเคลื่อนทางยาในระดับที่เป็นคันตรายต่อผู้ป่วยเนื่องจากมี การแก้ไขความคลาดเคลื่อนที่เป็นอันตรายในทั้งสองกลุ่มการศึกษา อย่างไรก็ตามหากไม่มีการแก้ไข คาดการณ์ว่า อาจเกิดความ คลาดเคลื่อนทางยาในระดับที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ร้อยละ 9.9 จากการนำเสนอข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยาแก่แพทย์ 273 รายการ แพทย์มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งการใช้ยา 143 รายการ (ร้อยละ 52.4) ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมรายการยาแก่ผู้ป่วย 72 ราย (ร้อยละ 75.8)


สรุปการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกระบวนการติดตามความสอดคล้องต่อเนื่องทางยาสามารถลดการเกิดความคลาดเคลื่อน ทางยาและความรุนแรงของเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เมื่อผู้ป่วยเปลี่ยนระดับการรักษา การศึกษานี้ได้เสนอรูปแบบการทำความสอดคล้อง ต่อเนื่องทางยาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการให้บริบาลทางเภสัชกรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย รวมทั้งสามารถสนับสนุนบทบาทของเภสัชกรในฐานะของทีมสหวิชาชีพในการดูแลรักษาผู้ป่วย


 

Article Details

ประเภทบทความ
Appendix

เอกสารอ้างอิง

The Joint Commission. 2007. "2008 National patient safety

goal hospital program." [Online], Available http://www.jointcommission.org/PatientSafety/Natio

nalPatientSafetyGoals/08_hap_npsgs.htm (1 August 2009).

URL:http://www.kradangnga.net/ranodeHOS/Pharma/index.php/simple/38-medication-reconciliation—/50-medication-reconciliation Accessed October 16, 2009

Lamontagne N. "Evaluation of a new integrated discharge prescription form". Ann Pharmacother 2OO1; 35(7-8):953-8.

Gleason KM and Groszek JM. "Reconciliation of discrepancies in medication histories and admission orders of newly hospitalized patients". Am J Health Syst Pharm 2004; 61: 1689-95.

Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP and Lance LL. Drug Information Handbook. 14th ed. Ohio: Lexi-Comp; 2006-2007: 1243-1244

Schnipper L. “Effect of an Electronic Medication Reconciliation Application and Process Redesign on Potential”. ARCH INTERN MED 2009; 169 [8]:771-780