ความสัมพันธ์ระหว่างค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านและค่าความพรุน ของแผ่นฟิล์มยางธรรมชาติผสม
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: เครื่องมือและเทคนิคหลายชนิดถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประเมินสมบัติความพรุนของวัสดุต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การวัดค่าที่ถูกต้องของสมบัตินี้ในตัวอย่างรูปแบบฟิล์มเป็นไปได้ยาก งานวิจัยฉบับนี้มุ่งเน้นถึงการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านและค่าความพรุนของแผ่นฟิล์มยางธรรมชาติผสมซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อประยุกต์ใช้ในระบบนำส่งยาทางผิวหนัง วัสดุและวิธีการทดลอง: แผ่นฟิล์มพอลิเมอร์ผสมถูกเตรียมขึ้นจากน้ำยางธรรมชาติโปรตีนต่ำซึ่งเตรียมขึ้นใช้เอง และพอลิเมอร์ผสมที่ใช้คือ ไฮดรอกซีโพรพิลเมทิล เซลลูโลส, โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส, เมทิลเซลลูโลส หรือพอลิไวนิลแอกอฮอล์ และใช้กลีเซอรีน หรือไดบิวทิลพทาเลต เป็นพลาสติไซเซอร์มีการใช้นิโคตินเป็นตัวยาต้นแบบสำหรับเติมลงในแผ่นฟิล์มนี้ด้วย สามารถเตรียมแผ่นฟิล์มได้ง่ายโดยวิธีการเทลงในจานแก้ว และทำให้แห้งที่อุณหภูมิ 70±2 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ค่าฟลักซ์น้ำของแผ่นฟิล์มถูกวัดโดยระบบการกรองแบบปลายปิด และ คำนวณค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านจากความชันของความสัมพันธ์ระหว่างค่าฟลักซ์น้ำกับความดัน ในอีกวิธีหนึ่ง สามารถหาค่าความพรุน ของแผ่นฟิล์มโดยเทคนิคการแช่ฟิล์มในน้ำกลั่น คำนวณหาค่าร้อยละของความพรุนจากความแตกต่างของน้ำหนักแผ่นฟิล์มที่เปียกและที่แห้งสนิท ค่าความพรุนจากทั้ง 2 เทคนิคที่ได้จากตำรับเดียวกันถูกเปรียบเทียบเพื่อหาความสัมพันธ์ ผลการทดลอง: การผสมพอลิเมอร์ และพลาสติไซเซอร์หลายชนิดมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านและค่าความพรุนของแผ่นฟิล์มยาง ธรรมชาติผสม ขึ้นกับสมบัติความชอบน้ำและการละลายของพอลิเมอร์และพลาสติไซเซอร์ ยิ่งไปกว่านั้น นิโคตินซึ่งเป็นยาที่ละลายน้ำได้ก็ มีผลทำให้สมบัติความพรุนของแผ่นฟิล์มที่บรรจุยานี้มีค่าเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสังเกตได้จากค่าที่ได้จากการรัดทั้งสองวิธีเพิ่มขึ้น ปรากฏ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าทั้งสองนี้ที่ได้จากการวัดโดยวิธีที่แตกต่างกัน โดยผลการทดลองให้ผลในแนวทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การผสมพอลิเมอร์ พลาสติไซเซอร์ และนิโคติน มีผลต่อค่าที่ได้เนื่องจากคุณสมบัติที่แตกต่างของสารเหล่านี้ ค่าร้อยละของความพรุนซึ่งคำนวณได้ จากเทคนิคการแช่ฟิล์มนั้นให้ผลที่นำเชื่อถือมากกว่าค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่าน อย่างไรก็ตาม วิธีหลังสามารถทำได้ง่ายกว่าและใช้เวลา น้อยกว่าวิธีแรก คุณสมบัตินี้มีประโยชน์ต่อการทำนายอัตราการปลดปล่อยยาในระบบนำส่งยาทางผิวหนังในรูปแผ่นฟิล์ม สรุปผลการทดลอง: พบรูปแบบผลที่เหมือนกันในทั้งค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านและค่าร้อยละความพรุนที่แสดงถึงสมบัติความพรุนของแผ่นฟิล์มยางธรรมชาติผสม ดังนั้นสรุปได้ว่าค่าสภาพการยอมให้น้ำผ่านและค่าร้อยละความพรุนมีความสัมพันธ์กันโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองค่า นี้ต่างก็ได้รับผลกระทบจากส่วนประกอบที่เดิมลงไปผสม ได้แก่ พอลิเมอร์ พลาสติไซเซอร์ และยาในแผ่นฟิล์ม
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Bhongsuwan D, Bhongsuwan T. Preparation of cellulose acetate membranes for ultra-nano- filtrations. Kasetsart J (Nat Sci). 2008; 42(5): 311-7.
Brunauer S, Emmett PH, Teller E. Adsorption of Gases in Multimolecular Layers. J Am Chem Soc.
; 60(2): 309-19.
Chen z, Deng M, Chen Y, He G, WU M, Wang J. Preparation and performance of cellulose acetate/polyethyleneimine blend microfiltration membranes and their applications. J Membr Sci. 2004; 235(1-2): 73-86.
Chien YW. Transdermal drug delivery and delivery systems. in: Chien YW, editor. Novel Drug Delivery System. 2nd ed. New York: Marcel dekker; 1992. p. 3011-80.
Chinpa W. Preparation and characterization of an asymmetric porous poly (vinyl chloride)/poly (methyl methacrylate-comethacrylic acid) membrane. ScienceAsia. 2008;34:385-9.
Farahmand S, Maibach HI. Transdermal drug pharmacokinetics in man: Interindividual variability and partial prediction. IntJ Pharm. 2009; 367(1- 2): 1-15.
Gullinkala T, Digman B, Gorey c, Hausman R, Escobar IC. Desalination: Reverse osmosis and membrane distillation. in: Escobar IC, Schafer Al, editors. Sustainability Science and Engineering. Ohio: Elsevier; 2010. p. 65-93.
Khan MMT, Stewart PS, Moll DJ, et al. Assessing biofouling on polyamide reverse osmosis (RO) membrane surfaces in a laboratory system. J Membr Sci. 2010; 349(1-2): 429-37.
Raulf-Heimsoth M, Bruning T, Rihs HP. Recombinant latex allergens. Rev Fr AJIergol immuno! Ciin. 2007; 47(3): 123-5.
Roberts AD. Natural Rubber Chemistry and Technology. Oxford: Oxford University Press; 1998. p. 10-150.
Siepmann J, Peppas NA. Modeling of drug release from delivery systems based on hydroxypropyl methylcellulose (HPMC). Adv Drug Deliv Rev. 2001; 48(2-3): 139-57.
Suksaeree J, Boonme p, Taweepreda W, Ritthidej GC, Pichayakorn W. Characterization, in vitro release and permeation studies of nicotine transdermal patches prepared from deproteinized natural rubber latex blends. Chem Eng Res Des. (2011), bo:10.1016/j.cherd.2O11.11.002
Taylor DJ, Fleig PF, Hietala SL. Technique for characterization of thin film porosity. Thin Solid Films. 1998;332(1-2):257-61.
WHO/IUIS Allergen standardization Committee. Allergen nomenclature 1984 [cited 2010 30 July]; Available from: http://www.allergen.org/search.php? allergensource=latex.