การตัดสินใจซื้อวัคซีนทางเลือกของผู้ปกครองเด็กที่มารับการบริการฉีดวัดซีน ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: การสร้างเสริมภูมิคุ้มวันโรคด้วยวัคซีนนั้น เป็นวิธีการที่มิความคุ้มค่ามากที่สุดประการหนึ่งในทางสาธารณสุข ประเทศ ไทยมีการกำหนดให้เด็กได้รับวัคซีนพื้นฐาน 8 ชนิดเพื่อป้องวัน 10 โรคซึ่งเป็นบริการฟรีในโครงการขยายงานสร้างเสริมภูมิคุ้มวันโรค (Expanded Program on Immunization, EPI) อย่างไรก็ตาม ยังมีวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งการตัดสินใจซื้อวัคซีนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ปกครอง ทั้งนี้ วัคซีนทางเลือกไม่ถูกบรรจุ EPI อาจเนื่องจากอุบัติการณ์ของโรคต่ำหรือมีราคาแพง จึงอาจไม่คุ้มค่าถ้าให้บริการฟรีแก่ เด็กทั่วไป ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตัดสินใจซื้อวัคซีนทางเลือกผู้ปกครองเด็ก 0 - 5 ปี ตลอดจนผลกระทบทาง เศรษฐกิจที่อาจมีต่อครัวเรือน วิธีการศึกษา: การสำรวจแบบภาคตัดขวาง โดยให้ผู้ปกครองที่พาเด็ก 0-5 ปีมารับบริการฉีดวัคซีน ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่นในช่วงเดือนธันวาคม 2554 จำนวน 500 คน ตอนแบบสอบถามด้วยตนเองเกี่ยวกับ การตัดสินใจซื้อวัคซีนทางเลือก ผลการศึกษา: ผู้ปกครองที่รู้จักวัคซีนทางเลือกจำนวนทั้งสิ้น 338 คน (67.6% ของตัวอย่างทั้งหมด 500 คน) ตัดสินใจซื้อวัคซีนทางเลือกให้แก่บุตรหลานคิดเป็นร้อยละ 28.7 โดยวัคซีนที่เลือกมากที่สุดใน 3 อันดับแรกเป็นวัคซีนรวม 6 โรค (DPT+IPV+Hib+HB) วัคซีนไข้สมองอักเสบชนิดเชื้อเป็น (Lived Attenuated JE vaccine) และวัคซีนรวม 5 โรค (DPT+IPV+Hib) ซึ่ง บ่งชี้ให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของผู้ปกครองต่อการลดจำนวนเข็มที่ฉีดและอาการข้างเคียงที่เกิดจากวัคซีน อย่างไรก็ดี ประมาณ 1 ใน 10 ของครัวเรือนยากจนที่ตัดสินใจเลือกซื้อวัคซีนทางเลือกนั้นได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจนต้องลดค่าใช้จ่ายของครอบครัว สรุปผลการศึกษา: การมีมาตรการพัฒนาการผลิตวัคซีนรวมโรคโดยหน่วยงานรัฐ เพื่อให้มีราคาลดลง จะช่วยส่งผลให้เกิดการเข้าถึงวัคซีน ทางเลือกเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในครัวเรือนยากจน และจะส่งผลดีต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก ต่อไป
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Chokephaibulkit K, Chunsuttiwat S, Trishnananda M, Tharmaphornpilas p. Editor. Vaccine and immunization textbook. 2007.
Limwattananon S, Kongsawatt S, Pannarunothai S. Screening for Poor People Using Household Information. Journal of Health Sciences 2003; 14(2): 275-86.
Mansuri FA, Baig LA. Assessment of immunization service in perspective of both the recipients and the providers: a reflection from focus group discussions. J Ayub Med Coll Abbottabad. 2003;15(1): 14-8.
Maungchana c. Hib vaccine and the challenged policy of Department of Disease Control. [Online], [cited 2011 Dec 31]. Available from http://www.lms.kmddc.go.th/e_learning/e-data/13/S3_005/detail/j.pdf
Miller NK, Verhoef M, Cardwell K. Rural parents1 perspectives about information on child immunization. Rural and Remote Health 2008; 8: 863. Available from: http://www.rrh.org.au
Putchong c, Sirismutr T, Krichanan W, Udomsuk K, Tantivess S, Teerawattananon Y. The dissemination of the information concerning Human papillomaviirus (HPV) vaccine via printing media in Thailand and the effect of these information for knowledge, attitude and vaccination decision among women in Thailand. Research report. Sep 2009.
Roberts KA, Dixon-Woods M, Fitzpatrick R, Abrams KR, Jones DR. Factors affecting uptake of childhood immunisation: a Bayesian synthesis of qualitative and quantitative eviidence. Lancet 2002; 360(9345): 1596-9.
WHO, UNICEF, World Bank, state of the world’s vaccines and immunization, 3rd ed. Geneva, World Health Organization, 2009.