ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการดูแลตนเองของวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์จังหวัดอุตรดิตถ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: โรคเอดส์ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่า กลุ่มอื่น ๆ จากสถานการณ์และสภาพปัญหาโรคเอดส์ของจังหวัดอุตรดิตถ์พบว่า การดำเนินงานป้องกันในกลุ่มวัยรุ่นยังคงมีอยู่น้อยและไม่ สามารถทำได้ครอบคลุมทั้งหมด ยังคงพบรายงานปัญหาเชื้อเอชไอวีดื้อยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การรักษาในระยะยาวไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากวัยรุ่นมักมีปัญหาในด้านความร่วมมือในการใช้ยา ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ ปัญหาทางจิตใจและสังคม รวมถึง ปัญหาในการดูแลตนเอง ทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมา เช่น การต้องออกจากสถาบันการศึกษาก่อนกำหนด เกิดอุปสรรคในการหารายได้หรือรูปร่างหน้าตาผิดปกติจากผลข้างเคียงของการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติเหมือน คนทั่วไป จุดประสงค์และวิธีการ: เพื่อศึกษาความสามารถในการดูแลตนเอง ปัจจัยและความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความสามารถในการดูแลตนเองของวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่เข้าร่วมโครงการบริการยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ณ โรงพยาบาลภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ประจำปี 2554 และมีอายุระหว่าง 10-19 ปี จำนวน 84 ราย โดยใช้แบบสอบถามความสามารถในการดูแลตนเองในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธ์ ด้านโภชนาการ ด้านสังคมและจิตวิทยาด้านการใช้ยาด้านไวรัส และด้านสุขภาพทั่วไป ผลการศึกษา: พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการ ดูแลตนเองด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธ์ ด้านโภชนาการ ด้านสังคมและจิตวิทยา และด้านการใช้ยาต้านไวรัส ได้แก่ เพศ การศึกษา รายได้ และระยะเวลาการติดเชื้อ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านอายุ ยังมีความสัมพันธ์ต่อการดูแลตนเองด้านสุขภาพทางเพศและ อนามัยเจริญพันธ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.050) ทั้งนี้พบว่า ไม่มีปัจจัยใด ๆ ที่มีความสัมพันธ์ทางสถิติต่อการดูแลตนเองด้าน สุขภาพทั่วไป และยังพบว่า ปัจจัยด้านสถานภาพ อาชีพ และลักษณะที่พักอาศัย ไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติกับความสามารถในการดูแล ตนเองในทุก ๆ ด้าน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากกระบวนการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์ระดับลึก พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการดูแลตนเอง ประกอบด้วย ความรู้และประสบการณ์ การแสดงอาการ พยาธิสภาพและการดำเนินของโรคเอดส์ สภาวะ ทางอารมณ์และสภาพจิตใจ การสนับสนุนทางสังคม และสถานการณ์แวดล้อม โดยความสามารถในการดูแลตนเองของวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอช ไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในทุกด้านโดยรวมอยู่ในระกับต่ำ (1.52 ± .50) ซึ่งมีความสามารถในการดูแลตนเองด้านสุขภาพทั่วไปสูงที่สุด (2.27 ± .71) รองลงมา คือ ด้านการใช้ยาต้านไวรัส (1.67 ± .71) ด้านโภชนาการ (1.64 ± .67) ด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธ์(1.63 ± .76) และด้านสังคมและจิตวิทยา (1.53 ± .63) ตามลำดับ สรุปผล: ความสามารถในการดูแลตนเองของวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วย เอดส์จังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกตัวบุคคล รวมถึงปัจจัยทางชีวสังคม และสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ได้รับบริการการดูแลรักษาอย่างครบถ้วนต่อเนื่อง เป็นการส่งเสริมให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวีตที่ดี รวมทั้งมีแนวทางการป้องกันและปรับลดพฤติกรรมเสี่ยงใน การแพร่ระบาด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการป้องกันการดื้อยาและการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Bureau of Epidemiology, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. Situation of HIV/AIDS เท Thailand [Online]. 2011 Feb 12. Available from: http://www.boe.moph.go.th/files/report/20110401_78586368.pdf
The Office of Disease Prevention and Control 9, Phitsanulok. Situation of HIV/AIDS. [Online]. 2010 Dec 9. Available from: http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/tranfers/aids_epid/aids_aut.pdf
Uttaradit Provincial Public Health Office. Annual Report 2010.