การประเมินสมรรถนะตนเองในด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของนักศึกษาแพทยศาสตร์และแพทยศาสตรบัณฑิต

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินสมรรถนะตนเองในด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของนักศึกษาแพทยศาสตร์และบัณฑิตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และประเมินความรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงสำรวจนี้สำรวจความคิดเห็นในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาและบัณฑิตจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในปีการศึกษา 2561 โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) ข้อมูลทั่วไป 2) การประเมินสมรรถนะตนเองด้านความรู้ ทักษะและทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผล และ 3) แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคในส่วนแบบประเมินสมรรถนะด้านความรู้ ทักษะและทัศนคติ ได้เท่ากับ 0.987, 0.980 และ 0.983 ตามลำดับ สำหรับแบบทดสอบด้านความรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล หาความเชื่อมั่นโดยใช้วิธีการคูเดอร์-ริชาร์ดสัน ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.817 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา และวิเคราะห์กรณีตัวแปรเดียว ผลการศึกษา: ผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามคืนจำนวน 119 ฉบับ (ร้อยละ 59.5 ) ผู้เข้าร่วมงานวิจัยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เป็นนักศึกษาชั้นปรีคลินิก ชั้นคลินิก และบัณฑิตแพทยศาสตร์ (ร้อยละ 66.4, 21.0 และ 12.6 ตามลำดับ) ส่วนใหญ่รับทราบนโยบายด้านการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล สำหรับผลการประเมินสมรรถนะด้านความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผล พบว่ากลุ่มตัวอย่างประเมินตนเองในระดับปานกลางถึงมาก แต่การประเมินสมรรถนะตนเองด้านทักษะ พบว่ากลุ่มตัวอย่างประเมินตนเองในระดับน้อยถึงมาก ด้านการทดสอบความรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล พบว่ากลุ่มตัวอย่างชั้นคลินิกและบัณฑิตแพทยศาสตร์มีคะแนนมากกว่าชั้นปรีคลินิกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุปผลการศึกษา: โดยภาพรวมนักศึกษาและบัณฑิตแพทยศาสตร์ ประเมินสมรรถนะตนเองในด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของนักศึกษาแพทยศาสตร์ในทางบวก และกลุ่มตัวอย่างชั้นคลินิกและบัณฑิตแพทยศาสตร์มีคะแนนความรู้ด้านตัวชี้วัดของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลมากกว่าชั้นปรีคลินิกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตให้นักศึกษามีความเข้าใจและตระหนักถึงการใช้ยาอย่างสมเหตุผลมากขึ้นตั้งแต่การเรียนในระดับปรีคลินิกจนถึงสำเร็จการศึกษา