การให้คำแนะนำปรึกษาเน้นด้านการสร้างเสริมสุขภาพ สำหรับผู้ป่วยอาหารไม่ย่อย ในสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
ผู้ป่วยอาหารไม่ย่อยมักมีพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดอาการอาหารไม่ย่อย การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมจึงมีผลต่อการรักษาอย่างมากงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของเภสัชกรและแนวทาง ในการให้คำแนะนำปรึกษาที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยอาหารไม่ย่อย ในสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชนโดยทำการศึกษาในร้านยามหาวิทยาลัย จังหวัดมหาสารคามในเดือน มิถุนายน - ธันวาคม 2548 กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยอาหารไม่ย่อยที่มารับบริการที่ร้านยา โดยเภสัชกรซักประวัติ ทั่วไป อาการ คัดกรองอาการที่อาจเป็นโรคร้ายแรง จ่ายยาและให้คำแนะนำ โดยชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่ผู้ป่วย ต้องปรับเปลี่ยน นัดให้มาติดตามทุก 2 สัปดาห์ และมีการวัดความพึงพอใจของผู้ป่วย ผลการศึกษาพบว่า มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 51 คน ส่วนใหญ่เป็นหญิง (ร้อยละ 76.5) อายุเฉลี่ย 23.9±9.9 ปี มีอาการแบบ ปวดท้อง (ulcer-like) ร้อยละ 86.3 มีระยะเวลาเป็นโรคโดยเฉลี่ย 1.9±2.2 ปี มีประวัติครอบครัวเป็น โรคกระเพาะอาหาร ร้อยละ 33.3 และร้อยละ 74.5 มารับบริการเพียง 1 ครั้ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับยา ไซเมทิดีน (ร้อยละ 78.4) สำหรับอาการที่คัดกรองพบ อาการปวดท้องมากจนทำให้ตื่นนอนตอนกลางคืน มากที่สุดร้อยละ 29.4 ผู้รับบริการมีพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ดังนี้ รับประทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา (ร้อยละ 49.0) และไม่ค่อยออกกำลังกาย (ร้อยละ 49.0) มีความเครียด (ร้อยละ 47.1) และชอบทานอาหารรสจัด ชอบดื่มน้ำอัดลม ชอบทานของดอง ชอบอาหารประเภทไขมัน (ร้อยละ 43.1) ผู้รับบริการสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างได้ทำให้อาการของผู้รับบริการดีขึ้น เช่น รับประทานอาหารตรงเวลามากขึ้น (ร้อยละ 66.7) และงดอาหารรสจัด (ร้อยละ 33.3) ผู้รับบริการ ส่วนใหญ่มีความรู้ในเรื่องที่เภสัชกรให้คำแนะนำ (ร้อยละ 76.2) ผู้รับบริการส่วนใหญ่ประเมินตนเองว่า สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้บางส่วนร้อยละ 52.4 ผู้รับบริการส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการให้คำแนะนำ ของเภสัชกร (คะแนนเฉลี่ย 3.3±0.7)
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Bazaldua ov and Schneider FD. (1999). Evaluation and Management of Dyspepsia. American Family Physicain, 60, pp. 1773-1788.
Bond CM and Grimshaw JM. (1995). Multidisciplinary guideline development: a case study from community pharmacy. Health Bull (Edinb), 53(1), pp. 26-33.
Jones R, Lydeard S. (1989). Prevalence of symptoms of dyspepsia in the community. BMJ, 7, 98(6665), pp. 30-32.
Marklund B, Westerlund T, Branstad JO, Sjoblom M. (2003). Referrals of dyspeptic self-care patients from pharmacies to physicians, supported by clinical guidelines. Pharm World Sci. 25(4), pp. 168-172.
Meineche-Schmidt V, and Jorgensen T. (2003). “Alarm symptoms” in dyspepsia. How docs the general practitioner investigate?. Scand J Prim Health Care. 21(4), pp. 224-229.
Smith ML. 2005. Functional dyspepsia pathogenesis and therapeutic options-implications for management. Digestive and Liver Disease, pp.1-12.