การประเมินสุขภาพจิตและความเครียดของนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: การเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากเด็กวัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งนักศึกษาต้องปรับตัวด้านความรับผิดชอบต่อตนเอง ทั้งด้านการเรียนและชีวิตส่วนตัว จึงอาจส่งผลให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตได้ การศึกษา ครั้งนี้เพื่อประเมินสุขภาพจิตและความเครียดของนักศึกษาระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับสุขภาพจิตและความเครียดของนักศึกษา วิธีการดำเนินการวิจัย: การวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง นักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2556 ด้วยแบบสอบถามออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสุขภาพจิตและความเครียด คือแบบทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทยฉบับสั้น 15 ข้อ (TMHI-15) และแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5) ตามลำดับ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา และหาความสัมพันธ์ของปัจจัยส่วนบุคคลกับสุขภาพจิตและความเครียดด้วยสถิติไคสแควร์ ผลการศึกษาวิจัย: กลุ่มตัวอย่างจำนวน 11,498 คน (ร้อยละ 86.69) ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม นักศึกษาส่วนใหญ่มีระดับสุขภาพจิตดีเท่ากับหรือสูงกว่าคนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 72.40 มีความเครียดระดับน้อยถึงปานกลาง ร้อยละ 77.98 และพบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลด้าน เพศ กลุ่มคณะที่ศึกษา ชั้นปีที่ศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความเพียงพอของรายได้ กับ ระดับสุขภาพจิตและความเครียด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) กลุ่มตัวอย่างเลือกแนวทางการจัดการปัญหาสุขภาพจิตและความเครียด โดยทำกิจกรรมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ปรึกษาคนรอบข้าง และ ออกกำลังกาย (ร้อยละ 94.03, 57.92 และ 55.04 ตามลำดับ) กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญในการขอคำปรึกษากับพ่อแม่ หรือ ครอบครัว เพื่อนในมหาวิทยาลัย และเพื่อนจากมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นสามลำดับแรก ส่วนแนวทางที่กลุ่มตัวอย่างต้องการให้ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพจิตและความเครียดสามลำดับแรก คือ การจัดสภาพแวดล้อมและสถานที่ให้เหมาะสมต่อทั้งการพักผ่อนหย่อนใจ และต่อการออกกำลังกาย รวมถึงการจัดหาช่องทางให้ได้เข้ารับการรักษาเมื่อมีปัญหา สรุปผลการวิจัย: ในภาพรวมนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ส่วนใหญ่มีสุขภาพจิตอยู่ในระดับดี และไม่มีปัญหาความเครียด อย่างไรก็ดีมหาวิทยาลัยต้องพัฒนาทั้งแผนการดูแลนักศึกษาที่มีปัญหาสุขภาพจิตและแผนการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีสำหรับนักศึกษาทุกคน
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Boonpume N. Stress and Coping of Thai traditional Medicine Students of Rajamangala University of Technology Thanyaburi. Thesis. 2010. Silpakorn University.
Chunil M, Rakjanya P, Pongsapich C. Students’ Techniques in Managing Stress at King Mongkut’s Institute of Technology North Bangkok. J Indus Tech. 2007: 3(2).
Limpanawas P. Stress, coping with stress and adjust- ment of undergraduate students in Bangkok Metropolis. Thesis. 2006 Kasetsart University
Ministry of Public Health. Department of Mental Health screening test for stress 5 (ST-5) [online] 2009 [cited 2013 Nov 20] Available from: http://www.dmh.go.th/test/qtest5/
Mongkol A. et al Thai Mental Health Indicator Version 2007 (TMHI-15) [online] 2009 [cited 2013 Nov 20] Available from: http://www.dmh.go.th/test/thaihapnew/thi15/thi15.asp
Rakkhajeekul S, Krisanaprakornkit T. Mental Health Survey in Medical Students in Khon Kaen University.J Psychiatr AssocThailand 2008; 53 (1):31-40.
Singkibut S. Stress and Stress management of Ubon RatchathaniUniversity Thesis. 2002. Khon Kaen University.
Suanrueang P, Jorajit S, Phantusena C. Stress, Factors Affecting Stress, and Stress Coping of Prince of Song- kla University Undergraduate Students, Hat Yai Campus. 2009. Songklanakarin J of Social Sciences & Humanities: 15 (2): 313-325.
Watcharataewinkul W. Stress, Factor Affectives Stress and Stress Removing Methods of Rajabhat Institute Nakhon Pathom Students (Research). Rajabhat Institute Nakhon Pathom 2002: 46-500
Wongsritrakool P. [online] 2011 Educational Factors Affecting Stress and Anxiety of Students in Thonburi University. [online] 2011 [cited 2013 Nov20] Availablefrom: http://www.stou.ac.th/offices/ord/pac/file/edu6.pdf