การศึกษาการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ: กรณีศึกษาหมู่บ้านงูจงอาง จังหวัดขอนแก่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ: กรณีศึกษาหมู่บ้านงูจงอาง จังหวัดขอนแก่น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพของหมู่บ้านงูจงอาง ใช้ระเบียบการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)โดยเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์เชิงลึก และการทบทวนเอกสาร ข้อมูลที่ได้ผ่านการตรวจสอบสามเส้า (Triangulation) และนำมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) การศึกษาในครั้งนี้มีพื้นที่ในการศึกษา 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ที่เป็นเส้นทาง/พื้นที่ในการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งผู้ศึกษาได้ร่วมเดินทางและใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มคนเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ และพื้นที่ในหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของกลุ่มคนเหล่านี้ ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 12 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2559 – 30 กันยายน 2560
ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพของหมู่บ้านงูจงอางจะมีการนำสัตว์ที่พบเห็นได้ยากโดยเฉพาะงูจงอางออกมาโชว์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ก่อนจะนำผลิตภัณฑ์สุขภาพออกมาโฆษณาประชาสัมพันธ์สรรพคุณ และมีการส่งเสริมให้มีการทดลองใช้ โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นมีทั้งยา อาหาร และเครื่องสำอาง ทั้งที่ผลิตเองและรับมาจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งพฤติกรรมการขายได้เป็น 3 รูปแบบ คือ 1) การเร่ขายตามหมู่บ้าน 2) การเร่ขายตามตลาดนัด/งานแสดงสินค้าหรือการออกบูธแสดงสินค้า และ 3) การขายที่ชมรมงูจงอางแห่งประเทศไทย บ้านโคกสง่า
ถึงแม้ว่าพฤติกรรมการเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพของหมู่บ้านงูจงอางนั้นไม่ถูกต้องตาม พรบ.ยา พ.ศ.2510 พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และพรบ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 แต่การเร่ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพก็ยังคงได้รับความนิยม และมีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยควรมีกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อให้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน และสนับสนุนให้มีการพัฒนาการส่งเสริมการตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
American Society of Health – System Pharmacists. AHFS Drug Information. Bethesda: American Society of Health – System Pharmacists,Inc.; 2009.
Kanjanasilp J, Preechagoon Y, Kaewvichit and Richards RME. Population Pharmacokinetics of Phenytoin in Thai Epileptic Patients. CMU. Journal. 2005;4(3): 287 – 297.
Nakariyakul K. Reason and Physician's Response of Therapeutic Antiepileptic Drugs Monitoring in Ambulatory Care Service. Thai Journal of Hospital Pharmacy. 2009;19:S 18 – 25.
Pacharavanich N, Sripa S, Sitthikraipong N, Duangpila P, and PanduangP. Therapeutic Drug Monitoring: The Need, Obstacles and Problem on setting up the Service in view of Hospital Administrators, Physicians and Pharmacists in the North East. Journal of UbonRajathanee University. 2004;2: 77-92.
Paschoa O.E.D, Voskuyl R.A., and Danhof M. Modelling of the pharmacodynamic interaction between phenytoin and sodium valproate. British Journal of Pharmacology. 1998;125: 1610 – 1616.
Pirovano A, Huijbregts M A.J., Ragas A M.J., and Hendriks. Compound Lipophilicity as a Descriptor to Predict Binding Affinity (1/Km) in Mammals. Environmental Science & Technology. 2012;46: 5168 – 5174.
Suwanmanee J.PharmacokineticParametersofValproic acidMonotherapyinPediatric Patientswith Epilepsy: EstimationfromTotal, and UnboundSerum Concentrations. 2002.
Vozeh S, Muir KT, Sheiner LB, and Follath F. Predicting Individual Phenytoin Dosage. Journal of Pharmacokinetics and Biopharmaceutics. 1981;9(2): 131 – 146.