การพัฒนาความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ ในชุมชน เขตสุขภาพที่ 4
คำสำคัญ:
ความแตกฉานด้านสุขภาพ, การป้องกันการพลัดตกหกล้ม, ผู้สูงอายุในชุมชน, เขตสุขภาพที่ 4บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดกรองความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้ม และเพื่อพัฒนารูปแบบการสร้างความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุที่สามารถใช้ชีวิตตามปกติ ตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุที่สามารถใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน เขตสุขภาพที่ 4 ตัวอย่างสำหรับการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ จำนวน 1,720 คน และผู้ให้ข้อมูลสำหรับการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพที่เลือกมาแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 327 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบสอบถามความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ 2) แบบสัมภาษณ์ความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ paired t-test และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้การเคราะห์เนื้อหา (content analysis)
ผลการวิจัยพบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ย 69.89 ปี มีสุขภาพแข็งแรง ร้อยละ 59.30 และสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยร้อยละ 90.10 ตัวอย่างมีประสบการณ์การพลัดตกหกล้มสูงร้อยละ 68.62 ส่วนมากเกิดขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา สำหรับการคัดกรองความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้ม พบว่า ค่าเฉลี่ยรวมของทั้ง 8 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 4 มีความแตกฉานด้านสุขภาพการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุอยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 81.13) ระดับปานกลาง (ร้อยละ 18.52) และระดับต่ำ (ร้อยละ .35) เมื่อนำรูปแบบการสร้างความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันการพลัดตกหกล้มที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย การใช้คู่มือคัดกรองความแตกฉานด้านการป้องกันการพลัดตกหกล้ม การใช้สื่อมัลติมีเดียและแผ่นพลิก การสอนสุขศึกษา การมีส่วนร่วมของชุมชนและการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องมาใช้กับตัวอย่างที่มีความแตกฉานด้านสุขภาพในระดับปานกลาง และระดับต่ำ แล้วทำการเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้รูปแบบการสร้างความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มพบว่า ความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุภายหลังใช้รูปแบบการสร้างความแตกฉานด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุที่สามารถใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = -35.42,
p = .000)
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ คือ การนำรูปแบบการสร้างความแตกฉานเกี่ยวกับการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุที่สามารถใช้ชีวิตตามปกติในชุมชนควรประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวอย่างและควรขยายผลรูปแบบในผู้สูงอายุกลุ่มอื่นต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Foundation of Thai Gerontology Research and Development Institute (TGRI). (2016). Situation of Thai elderly 2015. Retrieved from https://www.dop.go.th/download/knowledge/knowledge_th_20172404121710_1.pdf
Hendrich, A. (2016). Fall risk assessment for older adults: The Hendrich II fall risk model TM. Try this: Best Practices in Nursing Care to Older Adults, (8), 2p. Retrieved from https://consultgeri.org/ try-this/general-assessment/issue-8.pdf
Kaewdumkeiang, K., & Theepejurai, N. (2011). Health literacy. Bangkok: New Thammada Printing House.
Kespichayawattana, J., & Jitapunkul, S. (2009). Health and health care system for older persons. Ageing International, 33(1-4), 28-49. doi:10.1007/s12126-009-9028-5
Kittipimpanon, K., Amnatsatsue, K., Kerdmongkol, P., Maruo, S., J., & Nityasuddhi, D. (2012). Development and evaluation of a community-based fall prevention program for elderly Thais. The Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 16(3), 222-235.
Radabutr, M. (2018). Perspectives and experiences of older Thai adults living in the community on falls (Unpublished doctoral dissertation). Oklahoma City University, Oklahoma, USA.
Ministry of Public Health, Department of Health Service Support, Division of Health Education. (2015). Health literacy evaluation and promotion. Bangkok: Printery of Division of Health Education.
Chanjirawadee, P., Sirisopon, N., Kainaka, P., & Onsiri, S. (2017). The effectiveness of a fall prevention program for a fall prevention behaviors in hypertension elderly. Journal of The Royal Thai Army Nurses, 18, 41-48.
Suchada, P., Siriorn, S., Orapan, T., & Wilaipun, S. (2013). Fall-related factors among older, visually impaired Thais. Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 17(2), 181-196.
Yamane, T. (1967). Statistics: An introductory analysis (2nd Ed.), New York, NY: Harper and Row.
World Health Organization (WHO). (2013). Ageing and life course: Falls prevention in older people. Retrieved from https://www.who.int/ageing/ projects/falls_prevention_older_age/en/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ผลงานที่ได้ตีพิมพ์แล้วจะเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลตำรวจ











