ผลของโปรแกรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งต่อความรู้ การปฏิบัติ และอุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งในพยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรม

ผู้แต่ง

  • ทิพวิมล เชษฐ์ขุนทด คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • นงเยาว์ เกษตร์ภิบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • นงค์คราญ วิเศษกุล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

โปรแกรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง, ความรู้, การปฏิบัติ, อุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง, พยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งต่อความรู้ การปฏิบัติ และอุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งในพยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรม กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 17 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรู้ในการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง มีค่าความเชื่อมั่น .74 แบบสังเกตการปฏิบัติในการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง มีค่าความเชื่อมั่น 1 และแบบบันทึกอุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งขณะปฏิบัติงาน ดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าควอร์ไทล์ Wilcoxon signed-rank test, Chi-square test และการคำนวณอุบัติการณ์

ผลการวิจัยพบว่า 1) หลังการใช้โปรแกรม พยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรมมีค่ามัธยฐานคะแนนความรู้ในการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งมากกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = -3.532, p < .001) 2) หลังการใช้โปรแกรม พยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรมมีสัดส่วนการปฏิบัติในการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งที่ถูกต้องมากกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
2 = 206.274, p < .001) และ 3) หลังการใช้โปรแกรม พยาบาลหอผู้ป่วยอายุรกรรมมีอุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งน้อยกว่าก่อนการใช้โปรแกรม

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า ผู้บริหารทางการพยาบาลควรจัดอบรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งแก่พยาบาลทุกแผนก เพื่อให้พยาบาลมีความรู้และการปฏิบัติในการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น

References

นงเยาว์ เกษตร์ภิบาล. (2561). ความปลอดภัยในการผ่าตัด. เชียงใหม่: โชตนาพริ้นท์.

ประไพ ศรีแก้ว, และดุษฎี เอกพจน์. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 28(1), 101–111.

พรรณี ปิติสุทธิธรรม, และชยันต์ พิเชียรสุนทร. (บ.ก.). (2556). ตำราการวิจัยทางคลินิก (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล.

มรกต ดอกแก้ว, นงเยาว์ เกษตร์ภิบาล, และนงค์คราญ วิเศษกุล. (2566). ประสิทธิผลของโปรแกรมการป้องกันการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งในพยาบาลห้องผ่าตัด. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 34(2), 69–83.

รัตติกาล สุขพร้อมสรรพ์. (2560). อุบัติการณ์ของการบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลพะเยา จังหวัดพะเยา. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 27(3), 107–119.

วนิดา คนซื่อ, จิตตาภรณ์ จิตรีเชื้อ, และสุสัณหา ยิ้มแย้ม. (2556). ผลของการใช้แผนปฏิบัติการจากเทคนิคเอไอซีต่อการปฏิบัติการป้องกันและอุบัติการณ์เข็มทิ่มตำหรือของมีคมบาดของพยาบาล. พยาบาลสาร, 40(2), 51–63.

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2550). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม, สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, สถาบันบำราศนราดูร, สถาบันราชประชาสมาสัย, และกรมควบคุมโรค. (2557). แนวปฏิบัติของสถานพยาบาลในการดำเนินการป้องกันการติดเชื้อจากเข็มทิ่มตำ ของมีคม และการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง จากการปฏิบัติงานของบุคลากร. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.

สุคนธา วัฒนพงษ์, จิตตาภรณ์ จิตรีเชื้อ, และนงเยาว์ เกษตร์ภิบาล. (2559). ผลของหลายกลยุทธ์ต่อการปฏิบัติการป้องกันและอุบัติการณ์การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งของพยาบาลห้องคลอด. พยาบาลสาร, 43(2), 57–67.

สุพรรณ์ ว่องรักษ์สัตว์, และสมสมัย สุธีรศานต์. (2559). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความชุกของการถูกเข็มทิ่มตำหรือของมีคมบาด ในบุคลากรทางการพยาบาล โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. วารสารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, 1(1), 26–41.

สุรางค์ โค้วตระกูล. (2553). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อรนุช ลีนะกนิษฐ์, วันชัย เลิศวัฒนวิลาศ, และอะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2560). ผลของการใช้กลยุทธ์หลายวิธีต่อการปฏิบัติการป้องกันและอุบัติการณ์การเกิดเข็มทิ่มแทงหรือของมีคมบาดของพยาบาลวิชาชีพ. พยาบาลสาร, 44(2), 151–161.

อะเคื้อ อุณหเลขกะ, และสุชาดา เหลืองอาภาพงศ์. (2556). การป้องกันอุบัติเหตุจากเข็มและของมีคมของโรงพยาบาลในประเทศไทย. พยาบาลสาร, 40(พิเศษ), 130–142.

Bajracharya, M., & Bhandari, S. (2018). Needle stick injuries: A study among health care workers in tertiary care centre Nepal. Medical Journal of Shree Birendra Hospital, 17(1), 44–48. doi:10.3126/mjsbh.v17i1.18871

Bandura, A. (1986). From thought to action: Mechanisms of personal agency. New Zealand Journal of Psychology, 15(1), 1–17. Retrieved from https://www.psychology.org.nz/journal-archive/NZJP-Vol151-1986-1-Bandura.pdf

Bekele, T., Gebremariam, A., Kaso, M., & Ahmed, K. (2015). Factors associated with occupational needle stick and sharps injuries among hospital healthcare workers in Bale Zone, Southeast Ethiopia. PLoS One, 10(10), e0140382. doi:10.1371/journal.pone.0140382

Bouya, S., Balouchi, A., Rafiemanesh, H., Amirshahi, M., Dastres, M., Moghadam, M. P., ... Daley, K. A. (2020). Global prevalence and device related causes of needle stick injuries among health care workers: A systematic review and meta-analysis. Annals of Global Health, 86(1), 35. doi:10.5334/aogh.2698

Centers for Disease Control and Prevention. (2008). Workbook for designing, implementing, and evaluating a sharps injury prevention program. Retrieved from https://www.cdc.gov/sharpssafety/pdf/sharpsworkbook_2008.pdf

Centers for Disease Control and Prevention. (2011). The national surveillance system for healthcare workers (NaSH). Retrieved from https://www.cdc.gov/nhsn/pdfs/nash/nash-report-6-2011.pdf

Cho, E., Lee, H., Choi, M., Park, S. H., Yoo, I. Y., & Aiken, L. H. (2013). Factors associated with needlestick and sharp injuries among hospital nurses: A cross-sectional questionnaire survey. International Journal of Nursing Studies, 50(8), 1025–1032. doi:10.1016/j.ijnurstu.2012.07.009

Galougahi, M. H. K. (2010). Evaluation of needle stick injuries among nurses of Khanevadeh Hospital in Tehran. Iranian Journal of Nursing and Midwifery Research, 15(4), 172–177. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21589791/

Moayed, M. S., Mahmoudi, H., Ebadi, A., & Sharif Nia, H. (2016). Stress and fear of exposure to sharps in nurses. Iranian Journal of Psychiatry and Behavioral Sciences, 10(3), e3813. doi:10.17795/ijpbs-3813

Sedigh, M., Zarinfar, N., Khorsandi, M., & Sadeghi Sadeh, B. (2019). Using of health belief model on needlestick injuries and bloodborne pathogens among nurses. Journal of Research & Health, 9(1), 29–36. doi:10.29252/jrh.9.1.29

Seng, M., Sng, G. K. J., Zhao, X., Venkatachalam, I., Salmon, S., & Fisher, D. (2016). Needlestick injuries at a tertiary teaching hospital in Singapore. Epidemiology and Infection, 144(12), 2546–2551. doi:10.1017/S0950268816000893

Wahab, A. A. A., Daud, F., Othman, N., & Sahak, F. A. (2019). Occupational sharps injury among healthcare workers in hospital Melaka 2013–2015: A cross sectional study. Malaysian Journal of Public Health Medicine, 19(2), 170–178. doi:10.37268/mjphm/vol.19/no.2/art.295

Yang, H., Zhang, H., Lu, Y., Gu, Y., Zhou, J., & Bai, Y. (2020). A program to improve the knowledge, attitudes, and practices of needle stick and sharps injuries through bundled interventions among nurses: An KAP mode-based approach to intervention. Psychology, Health and Medicine, 27(5), 999–1010. doi:10.1080/13548506.2020.1830132

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-04-30