The Effect of Sexually Transmitted Diseases Prevention Program on Knowledge, Attitude, and Perceived Severity of Sexually Transmitted Diseases among Conscripts, Medical Company, Royal Thai Air Force
Keywords:
Sexually transmitted diseases prevention program, Knowledge, Attitude, Perceived severityAbstract
This quasi-experimental research aimed to examine the effect of sexually transmitted diseases prevention program on knowledge, attitude, and perceived severity of sexually transmitted diseases among conscripts. The samples consisted of 60 conscripts, medical company, Royal Thai Air Force who were equally divided into an experimental group (n = 30) and a control group (n = 30). The research instruments included the sexually transmitted diseases prevention program, the general information questionnaire, the knowledge regarding sexually transmitted diseases prevention questionnaire with reliability of .75, the attitude toward sexually transmitted diseases prevention questionnaire with reliability of .82, and the perceived severity of sexually transmitted diseases questionnaire with reliability of .85. The implementation and data collection were conducted from October to November, 2022. Data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, paired t-test, and independent t-test.
The research results revealed that 1) after the experiment, the experimental group had statistically significantly higher mean scores of knowledge regarding sexually transmitted diseases prevention, attitude toward sexually transmitted diseases prevention, and perceived severity of sexually transmitted diseases than those of before the experiment (t = 2.612, p < .05; t = 4.750, p < .001; and t = 6.180, p < .001, respectively) and those of the control group (t = 2.442, p < .01; t = 5.332, p < .01; and t = 5.242, p < .05, respectively).
This research suggests that health care providers should apply this sexually transmitted diseases prevention program to conscripts of army, navy, and adolescent students in order to enhance knowledge, attitude, and perceived severity of sexually transmitted diseases.
References
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). กรมควบคุมโรค ห่วงวัยรุ่นรักไม่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์ แนะยึดหลัก “C2T” ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=18045&deptcode=brc&news_views=194
กองทัพอากาศ. (2564). สรุปผลการดำเนินงานตามแผนงานการป้องกันและแก้ปัญหาเอดส์ของ ทอ. ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1/64. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
กองเวชศาสตร์ป้องกัน กรมแพทย์ทหารอากาศ. (2565). รายงานจำนวนผู้รับบริการที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เข้ารับบริการ กองเวชศาสตร์ป้องกัน กรมแพทย์ทหารอากาศ ณ วันที่ 1 ม.ค. 58 ถึง วันที่ 10 ม.ค. 65. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
กุสุมาลย์ มีพืชน์. (2560). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีของนักเรียนอาชีวศึกษาเพศชาย จังหวัดจันทบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
จีรประภา สุวรรณ, สุวรรณา จันทร์ประเสริฐ, และพรนภา หอมสินธุ์. (2560). ผลของการพัฒนาความเชื่อด้านสุขภาพต่อความตั้งใจและพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของทหารกองประจำการ ในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารพยาบาลทหารบก, 18(1), 237–244.
ประหยัด จิระวรพงศ์. (2556). Games based learning (เกมการศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.
ปิยภา จิระเพชรอำไพ. (2561). พฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของทหารกองประจำการผลัดใหม่ กองทัพอากาศ (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.
พัชราวรรณ จันทร์เพชร, และฉัตรลดา ดีพร้อม. (2562). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 42(4), 92–101.
เพ็ญจันทร์ มีแก้ว. (2558). การเปรียบเทียบโปรแกรมป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีทางเพศสัมพันธ์ชนิด 1 วัน และ 3 วัน ต่อความรู้ ทัศนคติ การรับรู้ความสามารถตนเอง และพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีทางเพศสัมพันธ์ในนักเรียนชายมัธยมศึกษาตอนต้น (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
รุ่งอรุณ สุทธิพงษ์, และกริช เรืองไชย. (2560). ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี. ใน เอกสารการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 5 ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงวิจัย (น. 430–436). ราชบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.
ศริญญา เจริญศิริ. (2560). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในนักศึกษาชายของการศึกษานอกระบบโรงเรียน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ศริญญา เจริญศิริ, ชนัญชิดาดุษฎี ทูลศิริ, และยุวดี ลีลัคนาวีระ. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในนักศึกษาชายของการศึกษานอกระบบโรงเรียน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 30(2), 14–25.
สฤษดิ์ แผนสนิท, และสมิหรา จิตตลดากร. (2563). การพัฒนาพลทหารกองประจำการของกองทัพเพื่อความมั่นคงของชาติ. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(10), 301–314.
สิริพร มนยฤทธิ์. (2563). สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก ในเยาวชน ประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557–2561. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1006020200507053840.pdf
สุจิตราภรณ์ ทับครอง, เพ็ญรุ่ง นวลแจ่ม, นิตยา วิโรจนะ, และพาจนา ดวงจันทร์. (2561). ผลของการใช้สื่อสุขภาพรูปแบบแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรู้และความเข้าใจโรคเบาหวานของบุคลากรในสถานศึกษา. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 19(36), 78–87.
Fisher, J. D., Fisher, W. A., Bryan, A. D., & Misovich, S. J. (2002). Information-motivation-behavioral skills model-based HIV risk behavior change intervention for inner-city high school youth. Health Psychology, 21(2), 177–186. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11950108/
Fisher, W. A., Fisher, J. D., & Harman, J. (2003). The Information-Motivation-BehavioraI Skills Model: A general social psychological approach to understanding and promoting health behavior. In J. Suls & K. A. Wallston (Eds.), Social psychological foundations of health and illness (pp. 82–106). Oxford: Blackwell Publishing. doi:10.1002/9780470753552.ch4
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
Categories
License
Copyright (c) 2023 JOURNAL OF PHRAPOKKLAO NURSING COLLEGE
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน