เครือข่ายสังคมออนไลน์และโมบายแอปพลิเคชันกับการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
คำสำคัญ:
โรคหลอดเลือดสมอง, เครือข่ายสังคมออนไลน์, โมบายแอปพลิเคชันบทคัดย่อ
โรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญในปัจจุบัน เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตและการเกิดความพิการในประชากรทั่วโลก โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม การที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยเร็วจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและการเกิดความพิการถาวรได้ ในปัจจุบัน การสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสามารถนำมาปรับใช้ในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการติดต่อสื่อสาร ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการทางสุขภาพได้สะดวก ช่วยลดความแออัดและระยะเวลาการรอคอยการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์ยังเป็นช่องทางในการสนับสนุนให้ประชาชนเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์และโมบายแอปพลิเคชันเป็นช่องทางและเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2559). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2559. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
บวรลักษณ์ ทองทวี, เยาวรัตน์ มัชฌิม, และศิริลักษณ์ แก้วศรีวงค์. (2561). ประสบการณ์ของสมาชิกครอบครัวในการดูแลบุคคลที่เจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง: การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วิทยา. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 38(3), 179-191.
ปิยวัฒน์ เกตุวงศา, และศุทธิดา ชวนวัน. (2558). ใครเป็นใครบนเครือข่ายสังคมออนไลน์: ความหลากหลายทางคุณลักษณะและพฤติกรรม. ใน รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 11 เรื่อง ความหลากหลายทางประชากรและสังคมในประเทศไทย ณ ปี 2558 (น. 15-28). ม.ป.ท.
สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์. (2556). คู่มือโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) สำหรับประชาชน (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: ธนาเพรส.
สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ. (2555). บัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย พ.ศ. 2532-2553. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ. (2556). รายงานผลการศึกษาภาระโรคและการบาดเจ็บของประเทศไทย พ.ศ. 2556. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2555). สรุปผลการสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2555. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
สํานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. (2555). รายงานการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พ.ศ. 2555. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 44(51), 800-808.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2560ก). คู่มือการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2560ข). ชุดรูปแบบบริการในการป้องกัน ควบคุมโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรังสำหรับสถานบริการ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
สุชาดา พลาชัยภิรมย์ศิล. (2554). แนวโน้มการใช้โมบายแอพพลิเคชั่น. วารสารนักบริหาร, 31(4), 110-115.
Jones, K. R., Lekhak, N., & Kaewluang, N. (2014). Using mobile phones and short message service to deliver self-management interventions for chronic conditions: A meta-review. Worldviews on Evidence-Based Nursing, 11(2), 81-88.
Krishnamurthi, R., Hale, L., Barker-Collo, S., Theadom, A., Bhattacharjee, R., Geo, A. ... Feigin, V. L. (2019). Mobile technology for primary stroke prevention: A proof-of-concept randomized controlled trial. Retrieved from http://www.ahajournals.org/journal/str
Latkin, C. A., & Knowlton, A. R. (2015). Social network assessments and interventions for health behavior change: A critical review. Behavioral Medicine, 41(3), 90-97.
Thrift, A. G., Thayabaranathan, T., Howard, G., Howard, V. J., Rothwell, P. M., Feigin, V. L., … Cadilhac, D. A. (2017). Global stroke statistics. International Journal of Stroke, 12(1), 13-32.
World Stroke Organization. (2018). World stroke campaign. Retrieved from http://www.world-stroke.campaign.org
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน